Let's Love everything in this planet

4/24/2011

Mr.Oui ตอน ไก่ไหม้ -0- ทำไงดี :D

             หลังจากที่พบป้าจอยผมก็เดินมาถึงร้าน เคเอฟซี ด้วยเวลาอันรวดเร็ว หิมะเลิกตกแล้วหลังจากเมื่อวาน ช่วงเช้าฝนตก ซักพักเม็ดฝนกลับกลายเป็นหิมะ ขาวโพลนไปหมด มีคนบอกผมว่านี่น่าจะเป็นหิมะกลุ่มสุดท้านก่อนเข้าฤดูใบไหม้ผลิเต็มตัว แต่ยังไงวันนี้อากาสแจ่มใส ถึงร้านทักทาย Dian cole และ kristal และเธอได้แนะนำผมกับพนักงานคนใหม่ เป็นหนุ่มด้วยนักเรียนชาวเมกัน วันนี้ไก่ในตู้อุ่นจะเตรียมไว้กี่ถาดครับ เะฮบอกว่า Originalง (ไก่สูตรดั่งเดิม) 4 ถาด Crispy (ไก่กรอบ) 2 ถาด Dian เป็นผู้จัดการเคเอฟซีสาขานี้ เธอเป็นคนใจดี อารมณ์ขัน แต่พอทำงานเธอจริงจังขึ้นมาทันที เธอแกล้งขู่ผมเล่นว่า เตรียมตัวโดยสังหารไว้เลยวันหน้า :) และแล้วมันก็เป็นจริงอย่างนั้น วันนี้ระหว่างที่หย่อนไก่สูตรดังเดิงลงไปในอ่างน้ำมันผมปิดฝา และผมก็รีบไปทำไก่ถาดที่สองทันที โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองลืมกด Timer ตัวตั้งเวลาไว้ ชุบไก่ในแป้งจัดเรียงบนตะแกรงเตรียมถาดที่สามมาหย่อนที่ถังน้ำมัน สายตาผมก็แหลือบไปเห็นสิง่ที่ผมไม่อยากจะเห็น -0- ผมลืมกด Timer ถังที่หนึ่ง ตายหละ"  ทำไงดีวะเนี๊ย ผ่านไปกีนาทีแล้ววะเนี๊ยยย  ลองปิดรีเซตเครื่องใหม่แล้วกดต้เวลาให้เหลือ 5 นาทีหละกัน ผลออกมาเป็นไงเป็นกัน ลุ้นอยู่ในใจว่าไก่จะออกมาเป็นไง ช่างเป็นห้านาทีที่ตื่นเต้น ยาวนาน ซึ่งปกติการทำไก่สูตรดั้งเดิมโดยเครื่องถังน้ำมันจะมีปุ่มกดตั้งเวลาเฉพาะแต่ละสูตรไปซึ่งเวลาแต่ละสูตรจะแตกต่างกัน สำหรับ สูตรดั้งเดิมใช้เวลา 15 นาที เวลาที่เครื่องนับถอดหลัง 10 , 9 , 8 ในใจลุ้นอยู่ตลอดถึงผมที่จะออกมา 7 ,6 ,5, 4, ถ้าออกมาเกรียมนี่จะทำไงว๊า สามวินาทีที่เหลือ เตรียมใจไว้ว่าเกรียมชัวร์ 3 , 2 , 1, 0 ตื๊ด ๆ ๆ ๆ เครื่องส่งสัญญาณเตือนหมดเวลาจุ่มไก่ และมันจะหมดเวลาทำงานผมด้วยไหนเนี๊ย จะไล่ออกไหมมม ผมเปิดฝาออกมา ใช้ตะขอยกตะแกรงไก่ขึ้นมา ค่อยๆ ยกขึ้นทีละน้อย ขณะที่ตะแกรงไก่ชั้นแรกพ้นผิวน้ำมันภาพแรกที่เห็น -0- "เกรียม"  สูตรไก่เกรียมของผม ทำเอาตัวเองใจหายไปตามคาด เอาไงดีวะ ผมรีบหยิบไก่เก็บจากตะแกรงใส่ถาดอย่างรวดเร็ว ในใจหนึ่งคิดว่า จะรีบเอาไปทิ้งขยะให้เร็วที่สุดแล้วหาอะไรกลบไว้ แล้วรีบทำภาดใหม่ให้ทัน แต่ความดียังพอมีบ้าง แอะ! ถ้าเราทำยังงั้นมันไม่ดีนินา เชื่อในความดี สู้พูดความจริง ดีกว่าผลจะเป็นยังไงช่างมัน ภาพตอนที่ผมยังเด็กตอนทำจานแม่แตกผุดขึ้นมา ตอนนั้นผมคิดทำไงดี คิดแล้วคิดอีก ไปแกล้งบอกแม่ว่าคณุให้มาทำแบบสำรวจวิชา กพอ. เกี่ยวกับว่า ข้อ 1. ผมก็ตั้งข้อมาสอบถามแม่ว่าจะคิดแบบไหน 2. และข้อสามถามว่า ถ้าลูกทำจานแตกจะโกรธไหม แม่บอกว่าไม่โกรธ ผมสารภาพทันที และเมื่อวันก่อนผมได้ฟังท่าน ว.วชิระเมธี ตอนเด็กที่ไปตักน้ำแล้วทำ วิทยุทาานสิสเตอร์ตัวโปรดของแม่ตกลงไปในบ่อน้ำ แล้วหาวิธีนั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อ ในที่สุดท่านก็บอกแม่ สถานการณ์นี้ก็เช่นเดียวกัน ผมสารภาพความจริงน่าจะเป็นสิ่งที่ีที่สุด พอผมหยิบไก่ใส่ถาดเก็บไว้ในตู้เสร็จ ผมเดินออกไปหน้าเคาท์เตอร์ร้าน Dian และ kristal ยืนอยู่ ผมเดินไปหา Dian ซึ่งกำลังกวาดพื้นอยู่ Dian ครับ  ขออนุญาติครับ ผมมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกคุณ เธอแกล้งทำสีหน้าตกใจสุดขีด เธอจะแต่งงานหรอ ไม่ครับบบ ผมลืมกด Timer เธอกวาดพื้นสักพัด Krital เดินอเคยบอกก่อนหน้านั้นแล้วว่าถ้าทำไก่ไหมเธอจะปรับเงิน 40 ดอลล่า ขู่ๆ ผมถามว่าแล้วจะปรับเงินผมไหมครับ ไปคุบไดแอนเองนะ เธอเตือนผมว่าถ้าลืมต้องรีบมาบอกเราเลย ผมก็แก้สถานณ์การเองเพราะถึงตอนนั้นถึงบออมันก็ไม่ทันแล้ว Dian กวาดพื้นเสร็จเดินเข้าไปที่ห้อง ผมเตีรยมไก่ทีเหลือเสร็จ ผมลองเดินไปคุยกับ dian ท่าจะดีกว่า ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านๆผ โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นแค่การขู่ก็ตาม Dian ขออนุญาติครับ Dian นั่งนับเงินอยู่ คุณจะปรับเงินผมไหม เธอยิ้มแต่แกล้งผมสีหน้าขรึม 1. ไม่คิดว่าผมจะสารภาพว่าทำไก่ไหม้ 2. ไม่คิดว่าผมจะมาถามว่าเธอจะปรับเงินผมจริงรึป่าว เธอเตือนว่าครั้นี้ยังไม่ปรับ แต่ครั้งหน้าถ้าทำไหม้อีก ฉันจะจับเธอตีก้น ผมขอโทาจะยิ้มให้เธอ ครับผม ผมจะระวังไม่ให้ไก่เกรียมอีกครับบ  ผมขอโทษและไปทำงานต่อ ถาดไก่เกรียมวาไปไว้บนโต๊ะ ซึ่งพนักงานคนอื่นเข้ามาเจอก็คงรู้กันว่ว่ ไอ้อุ๋ยมันทำไก่เกรียม เพราะไก่ที่เกรียมจะไม่เอาไปทิ้งขยะ แต่ Dian จะลองแป้งออกและฉีกเอาเนื้อไก่กลับบ้าน เมื่อพนักงานคนอื่นมาเห็น พอช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย ทุกคนที่อยู่หน้าร้านก็มายืนคุยกัน ซึ่งผมอยู่ในครัวล้าง เช็ดโต๊ะ แอบเหลือไปเห็น Dian กำลังเอาเรื่องผมไปเล่าให้เพื่อนพนักงานคนอื่นๆฟัง แบบสนุกสนาน และขำกันใหญ่ วันนั้นทั้งวัน ตอนแรกคอดว่าคงโโยว่า แต่ด้วยการพูดความจริงบวกความใสซื่อ ผมเรียกว่า ซื่อสัตย์ แล้วกัน ทำให้ Dian และเพื่อนพนักานคนอื่น เชื่อใจ และได้ใจเพื่อนพนักของอื่นๆ โดยเฉพาะ Dian ผมรับรู้ได้....การยอมรับในความผิดพลาด และการพูดแสดงถึงความรับผิด มันก้ทำให้เรื่องที่คิดว่าร้ายกลับกลายเป็นเรื่องดีซะงั้น  :)  ขอบคุณสถานการณ์ ผมระวังตัวมากตลอดทั้งวันในการทำงานและการเปลี่ยนเตาน้ำมัน......  จบตอน

ความห่วงใยจากป้า Joy

                  เมื่อวานผมทำงานบ่ายสามโมงครึ่ง นั่งอ่านหนังสือรอที่โซฟานุ่มตัวเดิมที่ Gateway mall  ห้างสรรพสินค้า Gatway mall เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กของเมืองนี้ แต่ช่วงหลังมาคนไม่ค่อยนิยมมากนักเพราะมีห้างขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเมือง คือ Kirkwood mall ทำให้หลายร้านปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย แต่ว่าบรรยากาศภายในห้างถึงแม้ไม่ได้คึกคัดแต่ก็ไม่ได้ร้างผู้คนไปทีเดียว ภายในยังมี ร้านขายยาขนาดใหญ่ ร้านอาหาร 50'c cafe และ ร้านอาหาร Chinatown ร้านขายของเสื้อผ้า เครื่งประดับ ร้านตัดผม รวมถึง คลินิคด้านสุขภาพขนาดใหญ่ Prime Care Health Center ซึ่งเป็นคลิที่มีผู้สูงอายุเข้ามารับการตรวจสุขภาพและรักษาอยู่เป็นประจำ ด้วยการที่ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยน้อยนี่เอง จึงทำให้ที่นี่เป็นที่เดินออกกำลังกายและพบปะของบรรดาเหล่าคุณลุงคุณป้า โดยจะเดินรอบภายในห้างกัน เพื่อออกกำลังกาย  โซฟาตัวนุ่มสี่ห้าตัตั้งอยู่หน้า คลินิค ซึ่งวางตัวอยู่ท่านกลางเส้นทางการเดินออกกำลังกายของบรรดาคุณลุงและคุณป้า โซฟาจึงเป็นที่นั่งพักของเหล่าลุงป้า บางครั้งทำให้ผมนั่ใกล้วงสนทนาแบบห่างๆอย่าห่วงไปโดยปริยาย การเดินทางโดยรถเมย์จากอพาร์ตเมนต์จากหอให้เวลา 35 นาที ผมนั่งรอก่อนทำงาน ประมาณชั่วฌโมงครึ่ง สิ่งหนึ่งจะทำคือการหยิบหนังสือ Love Your Children The Right Way ของหลวงพ่อปัญญา นันทภิขุ ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่ผมหยิบติดตัวมาจากเชียงใหม่ และเผลอหลับไปอยู่เป็นประจำ เมื่อวานนี้ก็เช่นเดียวกับทุกวัน ในขณะที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาคู่หู คุณป้าคนหนึ่งเดินด้วย walker เข้ามาทักทาย Hi  และเธอเอขอนั่งข้างผม Hi ครับ  ผมเป็นนักศึกษาจากประเทศไทยครับ มาทำงานที่นี่ช่วงซัมเมอร์ ผมแนะนำตัวเองให้ป้าหายสงสัยเป็นอันดันแรกผมรู้ดีว่าทุกคนก็คงสงสัยว่า พ่อหนุ่มน้อยคนเอเชียคนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน และป้าก็เช่นกันเธอบอกว่า เธอมาเดินออกกำลังกายที่นี่เป็นประจำและเห็นผมนั่งคนเดียวเป็นประจำ บางครั้งนั่งหลับ ป้าอยากเข้าคุยหลายวันแล้วแต่เธอหลับอยู่ ป้าบอกต่อไปว่า ป้าคิดถึงมาตลอดหลายวันว่า เด็กคนนี้เป็นใครกัน เขาจะเหงาไหมน๊า ป้าเห็นผมนั่ง Alone (โดดเดี่ยว) และป้ายังบส่วนใหญ่อกอีกว่าท่าป้ามาตอนเช้าจะไม่ค่อยเห็นผมสักเท่าไหร่ ผมยิ้มอย่างซาบซึ้งในความห่วงใยจากป้า ผมซาบซึ้งมากครับ คุณป้าชื่ออะไรครับ ป้าชื่อ Joy ผมอุ๋ยครับ ป้าบ่นปวดเข่าเพราะผ่าตัดมา ที่จริงแล้วผมเป็นนักศึกษากายภาพบำบัดที่ประเทศไทยครับ ช่วงซัมเมอร์ ผมเลยมาทำงานที่นี่ ป้าถามว่าผมทำงานที่ไหน :) ผมทำงานที่ KFC ข้างนอกห้างนี่เองครับ ผมจึงมานั่งรอที่นี่บางทีอ่านหนังสือ บางทีผมก็นั่งหลับครับ :) อกว่า ใช่ๆ ป้าเห็นเธอมาหลายวันแล้ว เธอหลับ ป้าเลยไม่ได้เข้ามาคุย เธอถามว่า แล้วงานเป็นไงบ้าง มีเงินพอใช้รึป่าว ผมขอบคุณป้าแบบซาบซึ้งจากใจ มีพอครับ ขอบคุณมากครับ เธอบอกวัน easter day ของชาวคริส ซึงเป็นวันหยุด ครับผม ผมบอกเธอว่าผมมาที่นีเพื่อที่จะมาหาประสบการณ์ เรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นี่ มาลองฝึกภาษาอังกฤษด้วยครับ เธอบอกว่า ไว้สักวันเธอจะพาไปเที่ยวแล้วกัน ครับผม :) ผมชวนเธอคุยเกี่ยวกับวัน ester ซึ่งเป็นวันสำคัญและเป็นวันหยุดของคนที่นี่ เขามีงานเฉลิมฉลองกันยังไงบ้างครับ (แอบถามเผื่อบางทีป้าอาจพาไปดู แฮะๆ : D ) ป้าบอกว่าส่วนใหญ่เขาไปที่โบถส์กัน เธออยากพาผมไปเหมือนกัน แต่บ้านป้าอยู่อีกเมืองหนึ่ง และป้าเจ็บเข่าบ่อยช่วงนี้ ครับ แล้วเธออยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง เธอชวนผมคุยหลายอย่าง ทุกเรื่องสื่ออกมาถึงความเป็นห่วงเป็นใย ในใจผมคิดซาบซึ้ง ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน กลับเป็นห่วงใย คิดถึงผมอยู่หลายวันว่าจะเป็นไงบ้าง กลัวผมโดดเดี่ยว ขอบคุณในความหวงใยครับป้า Joy เธอถามว่าผมทำงานกี่โมง ครับอีกห้านาทีครับ ได้ๆๆ งั้นเธอควรไปได้แล้ว ครับ ไว้เจอแลสุขภาพด้วย ลาแล้ว ป้าก็ลุกขึ้นโดย walker ออกเดินออกกำลังกายต่อ Bye Bye ผมเดิมยิ้มออกไปจากห้าง ไปทำงานด้วยความดีใจและซาบซึ้ง......... ติดตามต่อตอน Mr.Oui ตอน ไก่ไหม้ -0- ทำไงดี :) แฮะๆ  เจอกันครับบบ

4/20/2011

เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา

เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา เราคงไม่ใช่ของของมัน วันนี้ผมตื่นเช้าเพื่อไปทำ Social security card อีกรอบ ผมค่อนข้างรีบน่าดู จนทำให้ไม่ได้สำรวจของที่นำติดตัวไปทุกเช้า ปกติผมจะสำรวจเตรียมของก่อนออกจากห้องทุกวัน เผลอจนได้ ผมทำมือถือหล่นไว้ตรงไหนหว๊า เอ หาไม่เจอแฮะ คิดทบทวนๆ ครั่งล่าสุดที่รู้ว่าไม่ได้เอามือถือติดตัวก็ที่ Social office นี่น่า หรือว่าหล่นที่รถเมย์กันน๊า  ก็น่าเสียดาย แต่ก็ช่างมันเถอะ  ในเมื่อมันไม่ใช่ของของเรา อย่ายึดติด อะไรกับข้าวของมากนัก แล้วผมจะเอาอะไรเป็นนาฬิกาปลุกกันหละ เอ๊าละคราวนี้คงต้องกลับจากทำงานแล้วอาบน้ำนอน ดีเหมือนกัน ฝึกตัวเองให้ตื่นหกโมงเช้าทุกวันเอง ลองดู "เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา" และเมื่อคืนผมลองเตรียมคำพูดซ้อมไว้เพื่อที่จะไปหางานสอง Hi,Are you hiring? (สวัดีครับ ไม่ทราบว่าคุณรับสมัครพนักงานไหมครับ) หน้ากระจก ยิ้มแล้วยิ้มอีก :) ยิ้มแบบไหนจะกินใจคนทั้งโลก ก็คงไม่ขนาดนั้น หลังจากที่ทำ Social security card เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินท่ามกลางฝนหิมะมายัง ห้างสรรพสินค้า Gateway mall เดินผ่านหน้าร้านอาหารจีน China town สอง สามรอบ อายๆอยู่ ดูลาดราว แวะเข้าห้องน้ำที่ห้างสองรอบ มองกระจกหามุม ซ้อมๆ เอาหละลองดู มาถึงขนาดนี้แล้วอย่าอายน่า   ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านดันกำลังคุยโทรศัพท์ ผมต้องยืนเกร็งรอสักพัก Hi I am a student from thailand  Now I try yo find a partime job เกริ่นนำเข้าสู่ประโยคเด็ดที่ตระเตรียมมาทั้งคืน Are you hiring? ......  "No" I am sorry. สั่นๆจะได้ใจความ ประโยคทองที่เราอุตส่าซ้อมยิ้ม ซ้อมพูดอยู่หน้ากระจกได้ล้มครืนลงมาทันตา ฮ่าๆ ในขณะวินาทีที่ได้รับตอบตอบ No ในใจผมกลับ :) ยิ้มผมได้ทำแล้ว ก่อนเดินออกมาจากร้าน ขำตัวเองในใจ "เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา"  ตอนแรกผมคิดอยู่ว่าตัวเองจะไม่กล้าเข้าไปเกือบตัดสินใจกลับแล้ว ดีใจที่ตัวเองได้หาอะไรทำแค่นี้ก้เยี่ยมมาก ผมให้รางวัลกับตัวเองโดยการนั่งรถไปกินข้าวเที่ยงที่ Soup cafe หละกัน   ทานซุปเรียบร้อย "ผมจะไป Dan supermarket ยังไงครับ" ผมกางแผนที่ให้น้าที่ร้านดูเรียบร้อยผมเดินไปจนถึงหน้า Supermarket หญิงฝรั่งคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับผม เธอน่าจะบ่นเกี่ยวกับหิมะที่ตกลงมาทุกวันในฤดูใบไม้ผลิ ป้าบ่นใหญ่หันมายิ้มพูดรัวโดยใบไม่เกรงใจดั้งผมเลย $#$%^^*^%$$ (พูดรัว) ..ผมยิ้มให้เมื่อเธอหันมาเพื่อรับความเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด :) ยิ้มกลับคือสิ่งที่ทำได้ เธอเดินมาพูดกับผมจนกระทั้งถึงประตูห้าง ผมยิ้มกับเธอก่อนที่จะพูดว่า I am sorry I don't understand เธอหัวเราะขึ้นมา บอกว่า ฉันก็คิดแล้ว :) บายๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกัน ผมลองไปดู ผัก วัถตุดิบที่พอจะทำอาหารไทยได้บ้าง ว๊าว มีกะทิเท่ากระป๋อง จากเมืองไทย มาวางขายที่นี่ด้วย ผักหน้าตาคล้ายกับบ้านเราแต่ไม่รู้รสชาดจะคล้ายกันไหม  น่าจเท่าที่ดูน่าจะมี ม๊อคโคโลนี่ ข่า(คล้ายๆข่า) กระเทียมหัวละสิบบาท ที่ไทยเราผมได้เป็นพวง คล้ายคลื่นไช้(ภาษษกลางเรียกว่)าอะไร มะขามเปรีี้ยวบ้านเรา สี่ห้าฟัก สามสิบบาทฯลฯ อาหารที่ค่อนข้างแพงเมื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา  น่าจะพอทำได้แฮะ ผมเดินกลับไปห้อง ระหว่างทางที่ผมเดินกลับ มีรถคันหนึ่งมาจอดข้างๆ Hey,Oui จะไปไหน ให้ผมขับรถไปส่งไหม? Look ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่เคยเจอตอนผมไปช่วยงานที่ร้าน Soup cafe เมื่อสองวันก่อน ผมเดินเข้ามาที่รถ คุณจำผมได้ไงครับ เขาบอกว่าที่เมืองนี้มีคนเดินน้อย เห็นข้างหลังก็น่าจะใช่ look ขับรถมาาส่งผมที่อพาร์ทเมนต์ "ขอบใจมาก :)" กลับมาดูทีวีสักสักใหญ่ ห้าโมงครึ่งแล้ว หิวทำไงดีไปร้านซุปคาเฟ่อีกรอบดีกว่า อ้าว look นั่งอยู่ในร้านด้วยแฮะ ผมเข้าไปนั่งด้วยทานซุปไปด้วย look พูดถึงเรื่องกฏสิบข้อของคริสให้ฟัง เพราะผมถามเกี่ยวกับ ความเชื่อของศาสนาคริส ยาวเลยทีนี้ กฏสิบข้อ ระหว่างที่คุยมีน้องสาวสองคที่เคยเจอในร้านเมื่อครั้งมาช่วยงานครั้งแรกเข้ามาสมทบ look อาสาขับรถพา สาวน้อยสองคน รวมทั้งผมมาส่งที่บ้าน สองทุ่มแล้ว ผมเดินจากห้องไปที่บ้านลุงจอห์นกับป้าหลุย ลุงจอห์นเปิดประตูต้องรับเชิญเข้าบ้าน "ครับ ผมแค่จะมาบอกว่า วันหยุดหน้าผมขอมาทำอาหารไทยทีบ้านได้ไหมครับ ลุงดีใจมาก เรียกป้าหลุยมาคุยด้วย ผมเคยไดยินคุณป้าเล่าเกี่ยวกับคุณนูนี่ เคยมาทำอาหารไทยที่บ้านป้า งั้นวันหยุดหน้าผมขออณุญาติมาทำอาหารไทยที่ครัวบ้านป้าได้ไปมครับ ป้าดีใจ ป้าบอกว่าวันไหนดี หยิบปฏิทินขึ้นมา วันนี้วันเกิดป้านะ ห๊ะ วันเกิดหรอครับ สุขสันต์เกิดครบรอบ 66 ปีของป้า ก่อนที่จะหยิบปฏิทินตารางเวลางานองลุงและป้า  โหวกว่าสามคนจะตกลงเวลากันได้ ป้าและลุงมีตารางนัดทำงานเป็นล่วงหน้าเป็นสี่ห้า โหว ตกลงกันว่างั้นเป็นวันที่ 28 เมษา เช้าไปซื้อของด้วยกันที่ supermarket เย็นค่อยมาทำอาหารกัน ครับผม ป้าเคยทำงานเป็นพยาบาลตอนนี้หันมาทำงานเป็น counselor ที่คลินิคกับคุณลุง ฝรั่งแสดงออกถึงความรักให้กันน่ารักทีเดียว ก่อนกลับ ผมบอก Happy birth day  ป้ามีความสุขตลอดเพราะคุณลุงจอห์นเป็นคนดี :) ผมมีความสุขและอบอุ่นมากครับที่ได้เจอ ผมบอกลา แล้วก็กลับห้องไป.........แล้วเจอกันครับบบ

4/16/2011

ช่วยงานร้าน ซุปคาเฟ่่ และ ความบังเอิญ

             วันนี้เป็นวันหยุดของผมอีกวัน ตามตารางอาทิตย์นี้ผมมีวันหยุดสองวัน ตั้งใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันหยุดนี้จะไปช่วยงานที่ร้านซุปคาเฟ่ ตื่นเข้าดูทีวี เล่นเนตสักพัก วันนี้หิมะกลับมาตกอีกครั้งหลังจากหยุดไปเกือบอาทิตย์ ผมเตรียมชุดกันนหนาวตัวหนา พร้อมกับ หยิบ ของฝากใส่กระเป๋าเป็นที่ขั้นหนังสือจากเชียงใหม่ หลายอัน กะว่าจะเอาไปให้คุณมาร์คซักหน่อย สิบโมงครึ่งแล้วผมเดินย้ำหิมะ ตามถนน เห็นรอยรองเท้าที่ย้ำมาก่อนหน้า หนึ่งคนน่าจะใช่ ผมเดินตามรอยเท้าเก่าเพื่อที่จะทำให้เดินได้เร็วขึ้น ถึงร้านซุปคาเฟ่ วันนี้คนคึกคักทีเดียวแฮะ ผมอาสาคุณมาร์คช่วยงาน ล้างจาน ตักซุป กับทำ แซนวิส ล้างจาน มาล้างถ้วย ผมยื่นของฝากให้คุณมาร์ค "ผมชอบมากครับ ปลื้มใจมาก งั้นผมมีของจะให้คุณเหมือนกัน" คุณมาร์กเดินออกไปข้างนอกร้าน สักพักหนึ่ง และกลับเข้ามาพร้อมเสื้อยือสีขาวสองตัว สองขนาดให้ผมเลือก เป็นเสื้อยืดสีขาว สกรีนสโลแกนของร้าน "SOUP Cafe feeding the Body,Soul & Spirit"  งั้นผมขอไซด์เล็กละกันครับ ผมหยิบเสื้อใส่กระเป๋า วันนี้ผมทำงานช่วยที่ร้าน ซุปคาเฟ่ตั้งแต่ 10.30 am - 5 pm ระหว่างที่ผมอยู่ช่วยงาน จะมีอาสาสมัครดินเข้ามาขอช่วยงาน ส่วนใหญ่วันนี้เป็นวันรุ่นราวคราวเดียวกับผมเลยแฮะ เท่าที่นับได้โหว วันนี้อาสาสมัคร เจ็ดคนเห็นจะได้ บาวคนว่างจากงาน ว่างจากเรียนชั่วโมง สามชั่วโมง ก็แวะเข้ามาช่วยงานเท่าที่ตัวเองจะมีเวลา หนึ่งในอาสาสมัครที่มาช่วย คือ Sarah เธอเป็นนักศึกษากายภาพบำบัดที่ มหาลัยที่เมืองนี้ และเพื่อนของเธออีกคน เรียนกิจจกรรมบำบัด ผมขออีเมลล์ติดต่อกับเธอ ระหว่างที่ผมช่วยงานอยู่ ก็มีคนเข้ามาทานอาหารเลยทีเดียว ที่ผมประทับใจคือ การทักทายของคนที่นี่ ถึงแม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนส่วนใหญ่จะมานั่งที่โต๊ะเดียวกัน ทักทายคุยเรื่องสัพพเพเหระผมก็คงไม่เข้าใจ แต่ประทับใจทีเดียว  นอกจากซุปแล้วที่ร้านยังมี ขนม คุกกี๊ ส้ม กาแฟ  คนที่เมืองนี้ดีมาก ผมมีโอกาสได้รู้จักกับคนอื่นๆหลายคน ที่ร้านนี้ ลุง Allen ลุงเคยบอกว่า กำลังจะมีแผนเปิดบ้านสงเคราะห์เด็กเคยเจอเมื่อครั้งก่อน วันพรุ่งนี้จะมาอีกไหม? ผมว่างหนึ่งวันครับ ลุงให้นามบัตรผมมาก่อนผมจะขอตัวกลับ ผมกลับมาที่ห้อง ลองส่งเมลล์ไปหาลุงก่อนสักหน่อย พอหยิบดูนามบัตรขึ้นมาดู "Cornerstone Massage"  Theraputic Art Center  น่าสนใจแฮะผมลองส่งเมลล์ไปบอกลุงว่าผมเรียน Physical therapy ครับ ครั้งก่อนเมื่อเจอกันผมไม่ได้บอกลุงว่าผมเรียนอะไรมา "ไว้ถ้ามีโอกาศผมขอไปดูที่ร้านคุณลุงหน่อยครับ" ไม่รู้ว่าลุงจะตอบกลับรึป่าว  วันนี้ถือว่าเป็นวันหยุดที่คุ้มเลยทีเดียว

4/13/2011

คุณลุง John และคุณป้า Louie สองสามีภรรยาผู้แสนน่ารัก

               วันนี้เป็นวันหยุด Day off ของผม  ผมตื่นสายไปหน่อย วันนี้ผมตั้งใจจะไปเยี่ยมคุณจอห์นและภรรยาที่บ้านตามที่คุณลุงเคยชักชวนไว้ ตื่นเต้นน่าดูแฮะ เมื่อคืนผมทำการบ้าน โดยเข้าไปค้นในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับ Topic หัวข้อที่ใช้คุยในเวลาอาหาร หรือ Teatime ของคนอเมริกา รวมไปถึงบทสนทนาต่างๆ ขนาดนั้นเลยย บ่ายสามโมงกว่าแล้วออกจากบ้านพร้อมความหิวเล็กน้อยและไม่ลืมที่จะหยิบของฝากจากถนนคนเดินเชียงใหม่ เป็นที่ขั้นหนังสือทำมือสองอันใส่ในกระเป่า ลองแวะไปที่ร้านซุปคาเฟ่ซักหน่อย ก่อนที่จะเดินกลับมายังบ้านคุณลุงจอห์น สีฟ้าสดใสของท้องฟ้า ตัดกับสีขาวของปุยเมฆ แสงแดดเริ่มมาเยือนเมืองนี้แล้ว พร้อมกับลมพัดเอื่อยๆ  ผมเดินผ่านสวนสาธารณะ และบ้านเรือน อันแสนสงบ  สีขาวโพลนที่เคยเห็นกลับปรากฏเป็นสีเขียวของสนามหญ้า และต้นไม้ที่ไม่มีใบปรากฏเห็นกิ่งก้านแตกแขนงตั้นแต่ลำต้น กิ่งหลัก จนแขนงกิ่งปลายสุดอย่างชัดเจนกำลังเตรียมใบไว้ผลิ ในฤดูนี้ที่ใกล้เข้ามา "กรี๊งงๆ" เสียงกริ่งดังสองสามครั้ง แต่เหมือนไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนในบ้าน ผมยืนรอสักพัก เห็นป้ายหน้าบ้านเขียนไว้ว่า " Whole person recovery center" พร้อมกับอักษรตัวเล็กข้างล่าง เพื่อบรรยายบอกรายละเอียดของห้วข้อข้างต้น แอะรึว่าคุณจอห์นจะเป็นหมอรึป่าวหน้า แอะสักพัอนี่เป็นคลินิคของคุณลุงจอห์น ผมรอสักพักไม่มีสัญญาณตอบกลับ ลองไปกดกริ่งประตูด้านข้าง ไม่มีสัญญาณตอบกลับผมจะกลับดีไหมน๊า ก่อนกลับ ลองเคาะประตูสักที ประตูเปิดออกพร้อมกับคุณลุงจอห์นนั่นเอง คุณจอห์นเชิญผมเข้าไปข้างในบ้าน ทักทาย เฉยผมดื่นน้ำ โดยคุณลุงเปิดตู้เย็นให้ผมเลือก ว๊าว ในตู้เย็นที่บ้านลุงเหมือนกับร้านขายขอเลยแฮะมีน้ำทุกยี่ห้อ แสดงถึง ที่บ้านของลุงน่าจะมีคนเข้ามาตลอด บรรยากาศภายในบ้านของคุณลุงเป็นไตล์ตะวันตก พร้อมกับโต๊ะทำงาน ผมถามด้วยความสงสัย คุณจอห์นเป็นหมอหรอครับ ผมเป็น counselor หรือเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับคนที่ติดสุราหรือ alcoholism โดยใช้ชั้นล่างขอบ้านเป็นคลินิครับปรึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีปัญหา  alcoholism ขณะที่ผมกำลังคุยกับคุณลุงจอห์นอยู่นั้น ภรรยาของลุงก็เดิงลงมาจากชั้นบนของบ้านเข้ามาทักทายคุณจอห์นแนะนำให้ผมรู้จักกับเธอ คุณป้าเป็นคนน่ารักและจิตใจดีมาก ทั้งสองคน ผมยื่นที่ขั้นหนังสือให้ ทั้งสองดีใจมาก คุณป้าชวนผมคุยเรื่องต่างๆ เธอเล่าถึงความบังเอิญว่าเธอมีหลานสะไภ้เป็นคนไทย ชื่อ นูนี่ เธอชวนผมไปดูแผนที่และชวนคุยเรื่อราวต่างๆเกี่ยวกับประเทศไทย อเมริกา บทสนทนาของเธอช่างเป็นกันเองและรอยยิ้มจากใบหน้าของป้าแสดงความเป็นมิตรอย่างมาก เธอพยายามติดต่อคุณนูนี่ เพื่อที่จะให้เขาได้รู้จักกับผม ผมคุยกับคุณนูนี่ แนะนำตัว รวมถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคุณลุงคุณป้าทั้งสองคนให้คุณ นูนี่ ฟัง ผมแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกับคุณนูนี่ ก่อนที่จะยื่นโทรสับไปให้คุณป้า Louise คุณลุงคุณป้าทั้งสองชวนผมคุยเรื่องต่างๆ รวมถึงความเป็นไปเป็นมาของผมที่มาที่อเมริกา เรื่องราวที่ผมเตรียมมาเมื่อคืน ถูกบทสนทนาของคุณป้ากลบมิด แทบไม่ได้นำมาใช้เลย พอคุยได้สักพักสองสามีภรรยาชวนผมไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ยินดีครับผมม ก่อนที่คุณป้าจะขอตัวไปแต่งตัวข้างบนบ้านก่อน ผมกัยคุณจอห์นเดินไปที่รอโรงรถ โหวประตูโรงรถของคุณลุงใช้ระบบ รีโมตอัตโนมัติเปิดเลื่อน ไฮเทคมาก :) คุณลุงขับมารับป้าหน้าบ้าน ทั้งของพาผมไปยังร้านอาหาร โหวว นานมากทีเดียวที่ผมไม่ได้กินอาหารดีขนาดนี้ ปกติผมกินแต่ไก่กับมันบดที่ เคเอฟซีโดยมีเวลา สิบห้านาทีขณะพักเบรคเท่านั้น ร้านอาหารปุ๊ฟเฟ่ไสตล์อเมริกัน พร้อมอาหารหลากหลายชนิดทั้ง คาวและหนาว คุณลุงคุณป้า เดินพาผมแนะนำอาหารต่างๆ ผมช่างโชคดีอะไรขนาดนี้ ผมขอบคุณคุณลุงคุณป้าอย่างซาบซึ้ง ทั้งสองก็ดีใจที่พบผม และทั้งสองน่ารักมาก ขณะรับประทานอาหารที่โต๊ะแสดงความสวีตผมแอบมองแล้ว ยิ้มในใจ น่ารักจริงๆคู่นี้ ทั้งสองเล่าว่า เขาไม่มีลูก เอ๋หรือผมฟังผิดน๊า แต่ก็น่าจะประมาณนั้น มื้อนี้วิเศษมากครับ :) ตบท้ายด้วย ไอครีม ก่อนที่คุณลุงคุณป้าและผมจะออกจากร้าน และมุ่งสู้บ้านของทั้งสอง เหมือนกับจะนัดคนไข้ไว้ คุณป้าบอกให้คุณลุงพาผมไปส่งที่บ้าน ไม่เป็นไรครับผมเดินกลบได้เพราะหอผมอยู่ตรงข้างฝั่งถนนเยื้องไปหน่อยเดียว ผมซาบซึ้งมากครับบ ไม่รู็จะตอบแทนยังไง ถ้ามีโอกาศมาเที่ยวเมืองไทยอย่าลืมติดต่อผมมานะครับ  ขอบคุณคร๊าบบ :)

4/10/2011

:D

          วันนี้ก็คงเหมือนกับวันก่อนๆ ผมทำงาน บ่านสามโมงครึ่ง บ่ายโมงสี่สิบห้าผมออกมายืนรอรถเมย์ที่ป้ายรถเมย์ป้ายเก่าตามเคย ในขณะที่ผมยืนรอสักพัก ชายคนหนึ่งเปิดประตูออกมาทักผม ผมยิ้มกลับ จากนั้น ชายคนนั้นก็เดินออกจากประตู ตรงเข้ามาหาผม วันนี้เป็นไงบ้าง ผู้ชายคนนั้นทักผมตามมารยาทของชาวอริกัน เขาถามผมหลายประโยค เหมือนกับกำลังเตือนความจำของเขาและบางคำถามผมก็รู็สึกคุ้นเคย ก่อนที่ชายคนนั้นบอกว่า ให้ผมมาเที่ยวบ้านเขาบ้าง  และภรรยาของอยากพบผมเหมือนกัน คุณจอห์นใช่ไหมครับ ผมลืมหน้าคุณจอห์นไปเลย ใช่แล้ว ชื่อ อุ๋ยใช่ไหม? ครับผม ไว้วันว่างๆแวะมาดื่มกาแฟ น้ำชาที่บ้านผมได้นะ ในขณะที่ยืนคุณกับคุณจอห์นอยู่นั้น รถเมย์ก็มาจอดที่ป้ายพอดี คุณจอห์น จับมือ วันไหนว่างให้มาหาที่บ้านได้เลย ก่อนที่จะเดินกลับเข้าบ้านไป  ผมก้ามขึ้นรถ และทักทายกับ คนขับรถเมย์สายเก่าที่คุ้นเคย...  ดีเหมือนกันแฮะ วันอังคารหน้าเป็นวันหยุดของผม ไงผมจะลองไปที่บ้านคุณจอห์นดูครับ  ไม่รู้จะวางตัวยังไง และจะคุยเรื่ออะไรดี ภาษาอังกฤษก็อยู่ในระดับพื้นฐาน ทีแรกผมตั้งใจจะเอา ของฝากที่ผมซื้อจากถนนคนเดินไปให้เป็นการขอบคุณ แต่ไม่มีโอกาศซักที  ขอบคุณครับ คุณจอห์น และภรรยา ที่เอ็นดูผม :) 

4/09/2011

เงินเดือนออกแล้ว

        ช่วงนี้ผมไม่ได้มาเขียน Mr.Oui บ่อย เพราะว่าไม่มีเรื่อวราวที่น่าสนใจที่จะเอาลงมาเขียน เพราะงานก็ลงตัวแล้ว ทำทุกอย่างคล่องขึ้นแล้ว ชีวิตแต่ละวันก็เหมือนเดิมครับ ตื่นนอนตอนเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน ไม่อาบน้ำนะครับ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีเหงื่อ อยู่ได้สบาย เพราะก่อนนอนอาบน้ำแล้ว แฮะๆ ส่วนใหญ่งานจะเริ่มบ่านสามโมงบ้าง ห้าโมงเย็นบ้าง มีวันหนึ่งสิบโมงเช้า เลิกสี่ทุ่มครึงทุกวัน ช่วงเช้าก็เล่นเนต พอประมาณสักบ่ายโมง ผมจะไปรอรถเมย์ ผมจะไปนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมติดตัวมาด้วยในโซฟานุ่นๆที่ห้าง Gateway mall ทุกครั้ง ก่อนเวลางานประมาณ ชั่วโมงบ้างสองชั่วโมงบ้าง สามสิบนาทีก่อนทำงานผมจะไปกินอาหารปุ๊พเฟ่ฟรีที่ร้าน KFC เพราะเขาอนุญาติให้ลูกจ้างกินอาหารฟรีหนึ่งมื้อ กินเสร็จทำงาน clock in เข้าทำงาน เริ่งจากทอดไก่ ใกล้ทุ่มก็เริ่มล้างจาน ล้างทุกอย่าง ราวกับทำ Big clearning everyday โดยคนคนเดียว ชาม ถาด หม้อ ตะแกรง มีอะไรขนมาให้หมด :) เสร็จล้างจานเช็ดโต๊ะทอดไก่ คราบแป้งติดหนึบใช้ได้ทีเดียว ล้างโต๊ะเสร็จ  ขัดพื้น ถูพื้น  ถ้าวันไหนไม่ได้ล้าง จะล้างถังน้ำมันทอดไก่ 6 ถัง และ ถังทอดเฟนฟาย 4 ถัง และก็ทิ้งขยะ เสร็จงานสี่ทุ่มครึ่ง Clock out นายจ้างมาส่งที่หอ อาบน้ำเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ เพราะมอบแมมใช้ได้ทีเดียว เปิดคอมเล่นเนตติดต่อเพื่อนๆ เป็นเช่นชี้ทุกวันครับ ผมสนุกกับทุกวัน งานก็ทำไปเพลินๆ จนในที่สุดเงินเดือนรอบแรกก็ออกมาแล้ว เงินจะออกทุกสองอาทิตย์  รอบนี้ผมได้ไป 549.65 เหรียญ ครับ  แต่เสียค่าห้องไปก่อนหน้า 200 เหรียญ ค่าอาหารแทบไม่ได้ซื้อกิน ร้าน Soup cafe คือสวรรค์ของผมแท้ๆ :)

4/02/2011

จดหมายถึงพ่อ (ฉบับที่ 1)

          กราบเท้าคุณพ่อและคุณแม่ที่เคารพอย่างสูง
                      
                       จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายฉบับแรกที่ผมเขียนถึงพ่อและแม่นะครับ อาจจะดูเป็นทางการมาก (มากไป :)  ผมรู้ว่าพ่อเข้ามาอ่าน Mr.Oui อยู่บ่อยๆใช่ไหมครับ แต่ไม่เห็นเคยเห็นคอมเมนต์เลยย เมื่อวานเหมียวบอกอุ๋ยว่า พ่อลืมวิธีคอมเมนต์ที่อุ๋ยเคยสอนไป :)  แต่ไม่เป็นไรครับแค่เข้ามาอ่านบ่อยๆ ก็พอแล้ว พ่อกับแม่สบายดีไหมครับ เป็นเก๊าบ่อยไหมพ่อ ดูแลสุขภาพกันด้วยเด้อสองตายาย อย่างอนกันบ่อยหลาเด้อ ผมอยู่ที่นี่สบายดีครับ งานที่ KFC ก็เริ่มลงตัวแล้ว กับเพื่อนร่วมงาน คริสตัล ก็กำลังดีขึ้นทำงานไปได้สวย ที่นี่คนใจดีครับ ให้ช่วยเหลือดีมาก เวลาเราเข้าไปถามหรือขอความช่วยเหลือ ที่นี่มีร้านอาหารกินฟรีอย่างที่ Mr.Oui ได้ว่าเอาไว้ ที่พักก็สบายมีห้องโถงใหญ่หนึ่งห้องมีที่ดูโทรทัศน์ เตาแก๊ส เครื่องครัวครบ แต่ไม่เคยทำอาหารกันเลย น้องสองคนต้มมาม่ากัน มีหนึ่งห้องน้ำ สองห้องนอน น้องรูมแมทอุ๋ยเรียนอยู่ปีสองที่กรุงเทพ คนหนึ่งเรียนวิศวกร อีกคนเรียน นิติศาสตร์ครับ น้องสองคนอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนอุ๋ยอยู่อีกห้องหนึ่ง ความเป็นอยู่ที่นี่สบาย ส่วนงานก็ ล้างจาน ถูพื้น ทอดไก่ ล้างอ่างน้ำมัน ชิวๆ ทำไปเพลินๆครับ ที่นี่หิมะเลิกตกแล้ว สองสามวันก่อนเริ่มมีแดดออกบ้างแล้ว กำลังจะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิครับ แล้วที่บ้านเราจะเป็นไงบ้างน้อ เห็นบูบอกว่าหนาว อย่างไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ พ่อกับแม่  ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้เป็นอย่างดีไม่ต้องเป็นห่วงเด้อ  พ่อปริ้นไปให้แม่อ่านด้วยเด้อ
           
                                                                 ด้วยความเคารพอย่างสูง
                                                                 นายปิยะชาย สุวรรณไตรย์ :)