Let's Love everything in this planet

6/14/2011

จดหมายถึง อุ๋ย ฉบับที่หนึ่ง (1) จาก Mr.Oui

ถึงอุ๋ยที่รักอย่างยิ่ง :)

                  จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายฉบับแรกที่ Mr.Oui เขียนถึง อุ๋ย :) ก่อนอื่นผมต้องขอโทษอุ๋ยด้วยนะครับที่ไม่ได้เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ สองอาทิตย์ก่อน สองอาทิตย์ที่หายไปไม่ใช่ว่าไม่ได้มีเรื่องราวอะไรตื่นเต้นนะครับ สองอาทิตย์ที่หายไปเกิดเรื่องราวมากมายหลายอย่าง จน Mr.Oui ขอ Day off สักหน่อย เรื่องราวเมื่อสองอาทิตย์ก่อนจะเป็นยังไงนั้นไว้เล่าในตอนหน้า ตอนนี้ ณ วันนี้ อุ๋ยเหงานิดหน่อย เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาที่นี่มีความรู้สึกเหงาๆ อาจจะเป็นเพราะ เมื่อสองวันก่อน น้องวิน น้องคนไทยที่มาเวิร์กแอนทราเวลด้วยกันนั้นกลับประเทศไทยเนื่องจากหมดสัญญา จ้างงานแล้ว ใจหายเหมือนกัน ก็ไอ้ตอนที่เห็นน้องแพกกระเป๋า เก็บของ จนกระทั้งต้องลากกระเป๋าไปส่งน้องขึ้นรถของ ลุค ที่เป็นคนอาสาพาวินไปส่งที่สถานีรถทัวร์เพื่อที่จะขึ้นรถทัวรืจาก Bismarck ไปอีกเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบิน ภาพที่คิดตอนนั้น คือ เห็นตัวองนั่งอยู่บนเครื่องบินขากลับ แล้วลองจินตนาการว่าเมื่อเราถึงประเทศไทยแล้ว ความรู้สึกจะเป็นยังไงน๊า ร่ำลาน้อง เดินกลับเข้ามาที่ห้อง ว่างไปเยอะเลย ไม่ค่อยคุ้นแฮะ ต่อจากนี้เราต้องอยู่ที่นี่ ไม่ได้มีโอกาสพูดภาษาไทยอีกเป็นเดือน หลังจากที่วินกลับไปแล้ว หลังจากนี้ การไปที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน ก็สนุกสนานหยอกล้อกันเหมือนเคย แต่อุ๋ยกลับมีความรู้สึกเหงาๆจ่อยๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนก่อนแฮะ จนเพื่อนร่วมงานล้อว่า เย้ วันนี้เห็นอุ๋ยยิ้มแล้วหนึ่งครั้ง :) สองวันแล้วที่อุ๋ยยังคงหงอยเหงา (ไม่ได้ซึมเศร้าขนาดนั้นนะครับ)  แต่กลับได้รบความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานที่นี่มากขึ้น ไม่ได้แล้ว หงอยสอวันพอ เพราะเราหงอยเพื่อนร่วมงานคนที่อยู่รอบข้างเขาสัมผัสและพลอยไม่สนุกไปด้วย แล้ว :) .......................

                                                                ด้วยรักและเคารพ
                                                                นาย Mr.Oui Suwannatrai :)

ปล.  เฮ้ๆๆ และเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเป็นไงบ้างละ เล่าแสะ 

5/19/2011

New roommate (Chinese girls)

             วันนี้มีนักศึกษาจีนสองคนเพิ่งมาถึง คนหนึ่งเรียนเกียวกับภาษาอังกฤษ อีกคนเรียนเกี่ยวกับภาษาจีน น่ารักซะด้วยแฮะ :D เมื่อวานเราต้องแบ่งห้องนอนห้องหนึ่งให้เพื่อนใหม่ วินย้ายจากห้องเดิมมานอนห้องผม แต่เตียงไม่พอ วินต้องปูผ้านอนกับพื้น ขณะที่ผมเลื่อนเตียงตัวเดิมมาชิดผนังทำให้ห้องนอนมีพื้นที่มากขึ้น  วันพรุ่งนี้ผมวางแผนว่าจะไปซื้อกล้องตัวใหม่ คิดถึงบ้าน เมื่องนี้น่าอยู่จัง..... แค่นี้ครับ

5/15/2011

คุณมาร์คชวนไปดูหนัง Soul surfer

        วันนี้ถึงผมจะไปสายและถึงแม้ไดแอน หัวหน้างานไม่ได้ว่ากล่าวผมอะไร แต่ผมรู้ตัวว่าต่อไปผมสายไม่ได้แล้ว วันนี้เช้าผมทำไก้เตรียมไว้ในตู้เสร็จ ไอแอนเอาเข็มกลัดมาให้ผม เข็มกลัดคุณภาพทอดไก่แฮะ :) ขอบคุณไดแอนครับ วันนี้ผมทำงานแค่กะเช้า สิบโมงถึงบ่ายโมงครึ่ง ตอนบ่ายผมกลับมาอาบน้ำลองแวะไปที่บ้านลุงจอห์นผมไปแคะประตู แต่ไม่มีใครตอบรับ ผมไปหาลุงหลายวันก่อนเห็นประตูหน้าบ้านปิดไว้ คงไม่อยู่บ้านวันนี้ประตูเปิดแล้ว แต่ไม่มีใครตอบรับ ผมยืนสักพัก ก่อนตัดสินใจกลับไปที่ห้อง ผมเป็นห่วงว่าลุงจอห์นจะสุขภาพไม่ดีรึป่าว เพราะลุงสุขภาพไม่ค่อยดี ทานอาหารหลายชนิดไม่ได้และอาหารไทยที่ผมทำให้วันนั้นจะทำให้ลุงไม่สบายรึป่าว ผมกังวลอยู่เหมือนกัน ผมกลับมายืนรอรถที่หน้าอพาร์ทเม้นต์เพื่อที่จะไปร้านนังสืออีกทีเพราะมีเวลาว่างแต่ไปคราวนี้ไม่ได้อะไรเพราะมีเวลาน้อยแค่หนึ่งชั่วโมงรถเมย์จะหมดแล้ว ห้าโมงผมกลับมายืนรอรถเมย์ที่ ห้าง Kirkwood mall เจอกับคุณลุงป้าที่ขึ้นรถเมย์ประจำด้วยกัน ผมเข้าไปยืนทักและยืนรอกับคุงและป้า รถมาแล้ว ผมแวะที่ร้าน ซุปคาเฟ่ กินซุปกับแซนวิสหน่อยเพราะวันนี้เข้าแค่กะเช้าไม่รู็ว่าตอนเย็นจะทานอะไร ก็ฝากท้องไว้ที่ร้านซุปคาเฟ่นี่แหละครับผมเข้าไปห้าโมงห้านาที คุณดอลนาบอกว่าเราปิดห้าโมงเย็นวันนี้ คุณมาร์คยืนอยู่บอกว่าทานได้แต่รีบๆนะ :) ผมรีบทานซุปและขอช่วยเช็ดโต๊ะหน่อยก็ยังดี ผมบอกกับ ดอลนาและมาร์คว่า ผมรู้สึก อบอุ่น และ รู้สึกดีปลอดภัยทุกครั้งที่ผมมาที่ซุปคาเฟ่ เมื่อผมคิดถึงพ่อแม่ทีไรผมมาช่วยงานที่นี่แล้วทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นครับ ดอลนาและมาร์คยิ้มแล้วก็ชวยคุยหลายอย่าง ก่อนที่คุณมาร์คจะชวนผมว่า วันนี้ไปดูหนังกันไหม ผมยิ้มรับและตอบตกลงทันทีครับ งั้นผมขอกลับไปที่ห้องก่อนหกโมงครึ่งคุณมาร์คจะมารับที่หน้าอพาร์ทเม้น ขณะที่รอผมเดินไปที่บ้านลุงและป้า อีกครั้ง ไปเคาะประตู สามครั้งไม่เห็นมีเสียงตอบรับ ผมยืนสักพักก่อนที่จะเดินกลับไปรอที่ห้อง ขณะที่ผมเล่นเนตอยู่ห้อง มีคนมากดกริ่งประตู ผมเปิดออกไป ลุค ยืนที่หน้าประตู ชวนผมไปวิ่ง ผมบอกว่าผมไม่ว่างครับ ผมรอไปดูหนังกับคุณมาร์คหกโมงครึ่ง ลุคกลับไป สักพักเสียงกริ่งดังขึ้น อ้าวลุคขอความช่วยเหลือให้ขนดินและกระถางขึ้นไปที่ห้องลุคกำลังจะปลูกต้น สตอร์เบอร์รี่ นี่เอง โอวหนักใช้ได้ หกโฒงครึ่งแล้วผมออกมารอที่หน้าอพร์ตเมนต์ คุณมาร์คมาแล้วและมุ่งตรงไปที่โรงหนัง Grand ซึ่งเป็นโรงภาพยนตืที่คนในเมืองนี้นิยมเข้ามาดูวันนี้ฝนตกคนเยอะด้วยแฮะ เรื่อง Soul surfer เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของ Bethany Hamilton เล่าถึงเรื่องราวของหญิงวัยรุ่นและครอยครัวที่ชอบเล่นกระดานโต้คลื่นและเธอเป็นนักกีฬาโต้คลื่นกัลครอบครัวที่อบอุ่น และหลังจากที่เธอไปแวะพักเที่ยว เล่นกระดานโต้คลื่นแล้วเจอฉลามกัดแขนของเธอขาด ชีวิตหลังจากนั้น กลับไม่ทำให้เธอยอมแพ้เธอกลับตัดสินใจสู้และพยายามเล่นกระดานโต้คลื่นใหม่อีกรอบทั้งๆที่เธอมีแขนเดียว และการที่ได้รับกำลังใจดีจากครอบครัวและเพื่อนทำให้เธอฝึกฝนอย่างนักและสุดท้ายเธอก็เอาชนะใจเธอผู้คนชาวอเมริกันไปเลย ขอบคุณคุรมาร์คที่เลี้ยงหนังและป๊อบคอนวันนี้ครับบบบบ   ขอบคุณมากครับบบบ 

คุณลุงที่สี่แยก

 สองวันพฤหัสบดีที่แล้วผมทำงานกะเช้าเสร็จบ่ายโมงครึ่ง ทำอีกทีก็ตอนบ่านห้าโมงเย็น มีเวลาอีกเยอะแฮะ ผมเดินไปที่ Dan's supermarket เพื่อไปซื้อบัตรเติมเงินมือถือที่ตอนแรกเราสามคน รวมเงินกันซื้อมือถือถูกๆสักเครื่องไว้ใช้ ขณะที่ผมกำลังจะข้ามถนน มองเห็นชายวัยประมาณห้าสิบได้ ยืนถือป้ายป้ายหนึ่งอยู่ตรงสี่แยก พร้อมกับประเป๋าเดินทางเก่าๆ สองใบ ผมมองจากไกลๆ พอจะรู้ว่าชายคนนี้ต้องการความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง บางทีอาจจะเป็นขอให้คนที่ขี่รถผ่าน ขอเดินทางไปด้วย หรือว่าเขาต้องการเงินรึป่าว ขณะที่รถหลายคันกำลังจอดติดไฟแดงอยู่นั้น ไม่มีคันไหนที่จะเข้ามาถามหรือ ตอบรับกับป้ายที่ลุงถืออยู่ ผมเดินเข้าไปไกล แต่หนึ่งอยากเดินเข้าไปหา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้า ผมเดินผ่านกรายห่างๆ พออ่านป้ายที่ลุงาน่าถืออยู่บ้าง ว่าลุงไม่มีเงิน ที่จะกลับบ้าน และก็อะไรหลายอย่างผมก็แปลไม่ค่อยออก และมีคำลงท้ายเขียนว่า Thank God ผมเดินผ่านไปที่ Dan 's supermarket ก่อน ซื้อบัตรเติมเงิน ผมเดินกลับมาอีกรอบยังเห็นลุงยังยืนถือป้ายอยูที่เดิม ผมยังมีความรู้สึดอายอยู่บ้างถ้าจะเดินไปหาลุงที่ตรงสี่แยก ขณะที่ผมเดินเข้าไปใกล้ ลุงก็เดินไปนั่งที่หลังถังผมคิดว่าน่าจะเป็นถังขยะหลังอาคาร (ถังขยะทีนี่ไม่เหมือนบ้านเราเป็นถังที่ใหญ่และดูมิดชิดไม่ได้ดูรันทดนะครับ) ลุงไปนั่งพักสูบบุหรี่ในจึงผมเดินเข้าไปใกล้ คิดว่าทำไมเขามีเงินซื้อบุหรี่สูบนะจะดีไหมน๊าที่จะเข้าไปหาเขาจะเป็นคนดีรึป่าว ผมเดินผ่านลุงไปได้สักพัก ผมคิดว่าในเมื่อคนอีกคนกำลังขอความช่วยเหลือ เราไปอาศัยกินอาหารที่ร้านซุปคาเฟ่ ที่เป็นของศาสนาคริสซึ่งเขานับถือพระเจ้า และป้ายลุงเขียนบอกว่า Thank God ผมจะไม่เข้าไปหามันดูเหมือนผมจะใจดำเกินไป เราทำความดีอย่าไปกลัวเขาจะทำร้าย ผมตัดสินใจเดินย้อนกลับไป เดินเข้าไปหาลุง ผมทักลุง ลุงทักผมตอบ ผมนั่งขุกเข่าลงข้างลุงที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ ผมบอกกับลุงว่า ผมเห็นลุงยืนถือป้ายที่สี่แยกนานแล้ว ลุงเป็นยังไงบ้าง ลุงยิ้มกลับผมบอกว่า เขาหลายอย่างแต่ผมฟัภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรงพอจะจับใจความได้ว่า เขาต้องการเงินค่ารถกลับบ้านเขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ที่  ผมจำชื่อไม่ได้และผมไม่รู้ด้วยว่าอยู่ไกลจากเมืองนี้เท่าไหร่ ลุงผมขออ่านป้ายลุงได้ไหม ลุงบอกว่าได้เลย ผมหยิบป้ายที่เป็นลังกะดาษ ก็พอจะจับใจความได้  ลุงถามผมว่าอ่านออกไหม ผมบอกว่า ออกห้าสิบเปอร์เซนครับ ลุงแปลทีละคำให้ผมฟัง ลุงบอกว่าลุงเคยผ่าตัดหลังมาและยืนเปิดหลังให้ผมดู โหวรอบแผลผ่าตัดยาวตามแนวกระดูกสันหลังเลย ไม่ว่าลุงจะดีหรือไม่ได้ผมก็ไม่รู้ แต่ขณะที่คุยลุงก็ยิ้มกับผมคุยดี ผมบอกว่าลุงต้องการเงินหรอครับ ผมยืนเงินให้ลุง 3 ดอนล่า เพราะผมก็ไม่ได้มีเงินมากมายเท่าไหร่ ผมถามลุงว่าค่ารถเท่าไหร่ และตอนนี้มีเงินเท่าไหร่แล้ว ลุงบอกผม ค่ารถ แปดสิบกว่าเหรีญย ตอนนี้มีเงินเท่าไหร่ผมฟังไม่ค่อยออกแต่รู้ว่ายังไม่พอ ผมก็ไม่มีเงินมาก ผมให้เงินลุงเพิ่มอีกสองดอลล่า จะได้เป็นห้าดอลอย่างน้อยก็เพิ่มเติมลุงได้บ้าง ลุงถามผมว่ามาจากไหน ผมมาจากประเทศไทยครับ ลุงรู้จักไหม ลุงรู้จักแล้วก็พูดอะไรหลายอย่างแต่ผมจับใจความไม่ได้ ยังไงก็ตาม ก่อนกลับผมบอกลุงว่า ผมโชคดีที่ได้เจอลุงนะครับ ลุงบอกว่าขอบคุณมาก ก่อนที่จะยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นมา ผมจับมือลุงไว้ด้วยสองมือผมแล้วบอกลุงว่า ขอให้ลุงโชคดีนะครับ ลุงตอบผมว่า  ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ผมยิ้มและเดินกลับไปที่ในห้างนั่งรอที่โวฟาตัวเดิม ผมรู้สึกดีใจที่ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาลุง ไม่ว่าป้ายที่ลุงเขียนจะเป็นความจริงรึป่าวอย่างน้อยผมก็ได้ชนะใจตัวเองที่ตัดสินคนอื่นไม่ดีล่วงหน้า ขอบคุณลุงมากครับบ  ขอให้ลุงโชคดี

Piyachai Good Job

 เมื่อวันศุกร์ที่แล้วที่ เคเอฟซี มีงานเลี้ยงได้สั่งที่ร้านเป็นไก่ 800 ชิ้น ซึ่งตรงกับกะของผมที่ต้องทำไก่ ไดแอนบอกผมเมื่อวันก่อนนั้นว่า อุ๋ยเตรียมร้องไห้ได้เลย ผมบอกว่าผมสู้ครับ วันนี้จอห์นบอกกับผมว่าทำห้เร็ซที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมเข้างานตั้งแต่ บ่ายสองตั้งแต่นั้นจนถึงห้าโมงเย็นทำไม่ได้หยุดทอดไก่เลยสักนาที ทุกอย่างวางแผนล่วงหน้าว่าทำอันนี้เสร็จ ต้องทำอันนั้นต่อ สามชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ในระหว่างสามชั่วนั้น ไดแอนเข้ามาแซวผมตลอด และในที่สุดจอห์นก็มาขอ แปะมือ เยี่ยมมากก เย็นวันนั้นไดแอนเข้ามา พร้อมกับใบโน๊ตเขียนแสดงว่า Piyachai ทอดไก่ 800 ชิ้น Good Job :)  แม่เคยบอกกับผมตอนเรียนจบว่า การที่เราจะทำอะไร ให้เหมือนกับฟ้อนรำ ถ้าเราไม่ใส่ใจรำ รำออกมาก็ไม่สวย ทำอะไรก็เหมือนกัน ให้ใส่ใจทำ ผมจำคำนี้ของแม่ที และนำมาใช่กับสิ่งที่เจอ จากตอนแรกผมมาทำงานที่เคเอฟซี ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่เข้าใจระบบการทำงานที่นี่ ทำให้ผมทำอะไรดูจะผิดพลาดไปหมด จนทำให้หัวหน้างานส่ายหัวไปหลายครั้ง หรือรับคำติมามากเหมือนกัน แต่ผมไม่เคยโกรธใคร ทุกอย่างที่เจอ คำติ คำด่า ก็ให้เรามาคิดพิจารณาที่ตัวเองก่อนอันดับแรก ใช้รอยยิ้มไว้ก่อน ขยันทำงาน อดทน คือสิ่งที่ผมคิดถึง คุณตาผมที่แม่เคยเล่าเรื่องราวของตาให้ฟัง บางทีผมอาจจะเหมือนตาในบางส่วนก็ได้การรีบให้อภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งที่ผมได้จากที่นี่ ทำให้งานเราดำเนินไปได้ด้วยดี วันนี้ตอนเช้า ผมรอรถเมย์รอบแปดโมงสี่สิบห้า ผมออกไปรอแปดโมงสี่สิบ อ้าวว รถเมย์รอบนี้ไม่่มาซะงั้นทำไงดี ผมรอรถรอบต่อไป ทำให้ผมเข้างายสายวันแรก เกือบยี่สิบห้านาที ครั้งแรกไดแอนและจอห์นให้อภัย เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมรู็ได้ว่าครั้งต่อไปคงไม่ดีแน่ วันทนี้ไดแอน เอาเข็มกลัดทำงานคุณภาพ เป็นรูปผู้พันธ์ เคนตั๊กกี้ มาให้ผม ดีใจครับ  ผมจะตั้งใจทำงานและทำให้มีคุณภาพ  คำสอนของแม่ยังอยู่ในใจผมเสมอ ความดีของพ่อผมนำมาใส่ไว้ในใจ   :)  ...........................................

5/12/2011

The Day off

       เมื่ออาทิตย์ก่อนผมกัยน้องวินนัดกันว่า เราควรหาวัน Day off หรือวันหยุดตรงกันเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ซึ่งการขอวันหยุดสามารถเขียนลงในปฐิทิน ล่วงหน้าได้หนึ่งหรือสองอาทิตย์ งั้นตกลงเป็นวันพุธเพื่อที่จะได้อยู่กลางสัปดาห์ เฝ้ารอคอย แล้ว วันหยุดก็มาถึง เมื่อวานเราวางแผนกันว่า ตอนสิบโมงสี่สิบห้าจะออกไปร้านหนังสือใกล้กับ ห้างสรรพสินค้า Kerk wood ผมได้หนังสือมาหนึ่งเล่ม  ชื่อว่า The facebook effect เพราะผมสนใจประวัติของ Mark Zuckerberk หนุ่มวันเพียงยี่สิบกว่าปีที่วันหนึ่งเขาได้เป็นผู้ที่ชื่อว่า เชื่อมโลกเข้าด้วยกันและกลายเป็นมหาเศษรฐี โดยเป็นผู้สร้างเวบไซด์ที่ชื่อว่า Facebook.com ที่ผมเล่นอยู่ทุกวัน เอาไว้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย บ่ายโมงกว่าแล้ว เราตัดสินใจนั่งรถกลับไปที่ ร้าน ซุปคาเฟ่เติมพลังก่อนที่ไปที่สวนสัตว์ North dakota zoo แต่ขณะที่เรากำลังทานซุปอยู่นั้น ลุค เดินเข้ามาในร้านพอดีแล้วเข้ามานั่งทานซุปกับพวกเราสองคน วันนี้เป็นวันหยุดของลุคพอดี ลุคบอกว่าสนใจอยากไป Capital state ไหมเดี่ยวจะขับรถไปส่ง Capital State เป็นอาคารที่สูงที่สุดของเมือง Bismarck และเป็นศุนย์ราชการต่างๆรวมอยู่ในอาคารนี้หมด ลุงพาไปที่ชั้นสูงสุดเพื่อจะได้ชมวิวของเมืองทั้งเมืองสี่ด้าน ขณะที่เรากำลังชมวิวอยู่ บังเอิญมีกลุ่มนักเรียนและอาจารย์กำลังเที่ยวชมและมีไกด์บรรยายประวัติความเป็นมาซึ่งพวกเราก็ขอติดสอบห้อยตามไปด้วย ถึงแม้ผมจะฝังภาษาอังกฤษไม่ค่อยออกเท่าไหร่นักแต่ก็พอจะถูๆไถๆไปได้ จากนั้นเราสามคนก็ลงลิฟท์และแวะเข้าไปชม Heritage center ตั้งอยู่ตรงข้าวกับ Capital state ซึ่งเป็นพิพิทภัณธ์ประวัติติศาสตร์ของเมือง Bismark ตั้งแต่ยุคการขุดพบและมีโครงกระดูกไดโนเสาร์ตั้งโชว์ การแสดงรูปปั้นและข้าวของเครื่องใช้ของชนเผ่าอินเดียวแดง รวมถึงการเข้ามาของชาวยุโรป เครื่องจักร รูปภาพเก่าๆต่างๆ ตั้งโชว์เอาไว้ ผมเคยมาแล้วครั้งก่อนแต่มีเวลาน้อยเลยไม่ได้ชมจุใจ ครั้งนี้ผมได้เข้าขมจุใจเลยทีเดียว จากนั้นเราสามคนออกจาก Heritage center เดินเข้ามาที่ State memorial Library เข้ามาชมพิพิทพันธ์ห้องสมุดของเมือง ซึ่งเก็บหนังสือเก่าๆเอาไว้ให้ชมและสามารภยืมไปได้ ว้าว ได้เวลาแล้ว ก่อนกลับลุคอาสาพาไปเลี้ยงน้ำปั่นผลไม้ที่ร้าน Juice Bar แก้วละสามเหรียญเลยทีเดียว ที่เราจะแวะกลับมาที่ร้านซุปคาเฟ่ย์อีกครั้ง พอถึงร้านซุปคาเฟ่ น้าดอลนา ที่ทำงานแทน มาร์ค ซึ่งไม่อยู่หลายอาทิตย์ น่าดอลนาบอกว่ามีคนจากร้าน KFC มาตามพวกเราสองคนให้ไปที่ร้าน ตอนห้าโมง ซึ่งตอนนี้ไม่ทันแล้ว จะห้าโมงแล้ว เกิดอะไรขึ้นที่ร้าน KFC ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันหยุดของพวกเรานะ โอยย เมื่อกี๊มีน้องๆ ที่เคยเจอที่ร้านซุปคาเฟ่มาเคาะประตู มาขอนั่งเล่นที่ห้องเราสักพักกับเพื่อนอีกสามสี่คน โอวว้าว อเมริกันไสตล์ น้องนั่งคุยไปด้วยจูบกันไปด้วย โฮวว  อิจฉาจัง :) ฮะฮ่า ก็คงเป็นธรรมดาของที่นี่หละนะ......

5/04/2011

ดีใจได้เจอป้าจอยอีกครั้ง

           วันนี้ระหว่างที่ผมนั้งรอจะทำงานที่โซฟาตัวเดิม ที่นี่เหมือนกำลังจะซ่อมแซมสถานที่หลายแห่งทำให้คุณลุงคุณป้าหลายคนไม่ได้ออกมาเดินที่นี้แล้ว ระหว่างที่ผมนั่งลงโซฟา ผมคงไม่ได้เจอป้าจอยอีกแล้วมั้ง ผมหยิบหนังสือเล่มเดิมขั้นมาอ่าน อ่านไปได้ซักพักผมเงยหน้าขึ้นมา มีป้าคนหนึ่งเดินด้วย ุเครื่องช่วยเดิน waliker สวมเสื้อกันหนาวสีเหลืองเดินยิ้มเข้ามา นี่ป้าจอยนี่นา ผมยิ้มทักป้าจอย ผมดีใจที่ได้เจอป้าจอยอีกครั้ง คุณป้ามานั่งข้างผม วันนี้เราได้คุยกันนานขึ้น เพราะผมมีเวลาอีกนานกว่าจะทำงาน ตอนบ่ายสาม ผมดีใจจริงๆ วันนี้ผมได้คุยกับป้า ป้าเป็นคนจิตใจดี เป็นคนที่มีเมตตามากครับ คุณป้ารับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ถึงห้าคน บางคนเป็นนักโทษ มีคนหนึ่งเป็นคนเวียดนาม  ผมถามคุณป้าเป็นหน่วยงานหรอครับ ป้าบอกผมว่าป้าใช้เงินส่วนตัวของป้า ตอนนี้ป้ามีลุกแล้วห้าคน และมีหลานที่เกิดจากลูกบุญธรรมทั้งห้าคนนั้นสิบกว่าคน ผมสงสัย เลยถามป้าไปว่า แล้วคนที่เป็นนักโทษเขาไม่ได้สร้างปัญหาให้หรอครับ ผมได้รับคำตอบที่ประทับใจมาก ป้าบอกว่าเราเชื่อใจและรักเขาเขาจะรับรู้และแสดงออกมาให้เราเห็น ตอนนี้คนที่เป็นนักโทษก็มีอาชีพและเป็นครูสอนเต้นด้วย บางคนอายุสามสิบกว่าไม่เคยเรียน ตอนนี้เพิ่งเรียนจบและป้ากำลังจะไปหาแสดงความยินดี ผมแสดงความยินดีด้วยครับ ป้าบอกว่าตอนนี้ป้ามีลุกบุญธรรมถึงห้าคน จนสามีป้าบอกว่าพอได้แล้ว ผมยิ้มกับคำพูดของคุณป้า ป้าบอกว่าป้ารักเด็ก และหน้าตาป้าถึงจะดูมีอายุแต่ป้าเป็นคนสวยมาก เอ๋หรือว่าป้าจะเคยเป็นนางงามมาก่อนน๊า ผมสงสัย :) ป้าให้นามบัตรผมและเบอร์ติดต่อไว้ ป้าถามผมว่า คิดถึงพ่อกับแม่ไหม และผมก็เหมือนได้พูดประโยคเดิมที่ได้พูดกับลุงจอห์นและป้าหลุยไว้ ผมมีบล็อคเป็นไดอะรี่ออนไลน์ผมเขียนเรื่องราวต่างที่ผมได้เจอที่นี่ไว้ รวมถึงป้าด้วยนะครับ ป้าบอกว่า ป้ายินดีมากกก   ผมไม่มีโทรศัพท์ที่จะให้คุณป้าติดต่อได้ ป้าบอกว่า วันไหนอยากทานข้างหรืออยากให้ป้าพาไปเที่ยวก็ให้โทรหา ผมพกของที่ระลึกไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา คือ ที่ขั้นหนังสือที่ซื้อจากถนนคนเดินเชียงใหม่เอาไว้ เพื่อผมเจอคนใจดี ผมจะให้เขาเป็นการขอบคุณ ผมยื่นให้คุณป้า คุณป้าบอกว่าเสียดายวันนี้เวลาเรามีน้อย ผมเล่าเรื่องราวของผมให้ป้าฟังบ้าง ผมเป็นนักศึกษากายภาพที่ไทย มาทำอะไรที่นี่ก็ว่าไป ป้าบอกว่า วันศุกร์นี้ป้าก็มีนัดกับนักภายภาพประจำตัวป้า เรื่องเข่าที่ป้าเพิ่งผ่าตัดไป ผมสันนิษฐานว่าป้าน่าจะเป็นโรคข้อเข้าเสื่อม เพิ่งได้รับการผ่าตัด ตอนนี้เดินได้แล้วแต่ยังาเคลื่อนไหว งอเข่าไม่ได้สุดช่วงและกำลังได้รับโปรแกรมออกกำลังกายจากนักกายภาพบำบัด ป้าเล่าท่าต่างๆ ที่นักกายภาพให้มา งั้นดีเลยครับ ผมฝากของที่ระลึกไปให้นักกายภาพของป้าด้วยนะครับ ก่อนที่ผมจะหยิบที่ขั้นหนังสืออีกใบให้คุณป้าไป ก่อนที่จะจากกัน เราไม่มีเคื่องมือที่จะติดต่อกันได้ และ ตารางงานของผมก็เปลี่ยนทุกอาทิตย์ ยังไงผมก็นั่งรอที่นี่หละครับ ป้าบอกว่าที่นี่คงเป็นที่เดียวที่เราได้เจอกัน ก่อนจากกันผมถามคุณป้าว่า คุณป้ามีความสุขไหมครับ ป้าบอกว่าป้ามีความสุขมาก ผมก็รับได้ถึงความสุขของป้า ป้าช่วยเหลือคน ป้าให้โอกาสและเปลี่ยนชีวิตของคนห้าคน จากนั้นรวมไปถึงลูกๆที่เกิดจากคนที่ห้าคน ถึงแม้เขาเหล่านั้นจะไม่ได้อยู่รวมบ้านเดียวกันแต่คอยไปหาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง ป้าเป็นคนดีจริงงงๆ ผมรับรู้ว่าบางทีคุณป้าอาจอยากรับผมเป็นลูกอีกคนหรือป่าวน๊าา  :) ผมคงไม่กล้าที่จะเป็นลูกของป้าเพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากป้าเลย ขอบคุณป้าจอยยยครับบ วันหน้าหวังผมคงได้เจอคุณป้าอีกนะครับ ผมจะนั่งรอตรงนี้และครับ ขอบคุณครับ :)

ทำอาหารบ้านลุงจอห์น

                เมื่อ สองสามวันก่อน ผมมีนัดกับลุงจอห์นกับป้าหลุยนี่น่า บ่ายโมง งั้นตอนเช้าผมควรไปตัดผมดีกว่า ผมเริ่มยาวแล้วแฮะ  อ้าวแล้วร้านตัดผมมันอยู่ตรงไหนเนี๊ย  ลองไปถามคุณมาร์คที่ร้าภัน ซุปคาเฟ่ดู คุณมาร์คกลับอาสาพาผมไปส่งที่ร้านตัดผม งั้นผมผมก็สั้นแล้ว ก็โอเคใกล้เวลานัดแล้ว ผมเดินไปที่บ้านคุณจอห์น ป้าหลุยและคุณลุงจอห์นวางโปรแกรมพาผมขับรถเที่ยวไปอีกเมืองหนึ่ง เป็นพิพิธภัณฑ์ของชนเผ่าพื้นเมือง หรือชนเผ่าดินเดียแดง ที่นี่มีของที่ระลึกเยอะมาก ลุงป้าและผมเดินชนจนครบแล้ว  ป้ามาถามผมว่า อันนี้สวยไหม สวยครับบ ก่อนที่ป้าจะซื้อและใส่กล่องไว้ ก่อนกลับป้า บอกว่า อันนี้สำหรับผม :) ขอบคุณครับบ จากนั้นป้าและลุงขับรถพาผมไปที่ หลุมฝังศพคุณพ่อของคุณลุงมาร์ค วันนี้แสงแดดสวยมาก ท้องฟ้าแจ่มใส หลังจากที่เมื่อวานหิมะตก ผมมองออกไปนอกกระจก กำลังคิดถึงความอบอุ่นและความสุขที่ได้รับจากทั้งสอง สายตาทอดไปเห็นภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสีเขียวสบับซับซ้อน และมีเพียงต้นสนที่ทำให้เมืองนี้มีสีเขียว ต้นไม้ชนิดอื่นตั้งชูต้นไร้ใบเรียงรายข้างถนน ป้าบอกคุณลุงว่าลองพาผมไปที่เที่ยวอีกที่หนึ่ง เป็นบ้านของชนเผ่าอินเดียแดง ทำมาจากดิน เป็นซุ้มขนาดใหญ่ ภายในมีข้าวของเครื่องใช้มากมาย ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่นี่เหมือนจะมีผมสามคนที่เป็นนักท่องเที่ยว และมีไกด์หนุ่มผู้ดูแลที่นี่มาอธิบายเรื่องราวต่างๆให้ฝังเกี่ยวกับ บ้าน และชนเผ่าอินเดียแดง บรรยากาศที่นี่สงบเงียบจริง จากสองคนพาผมขับรถไปดูที่ที่จะปิกนิคสำหรับซัมเมอร์ของลุงและป้าว่าที่ไหนเหมาะสม เลือกที่เสร็จแล้ว ลุงจอห์นขับรถพาผมไปที่ หลุ่มฝังศพของคุณพ่อลุง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาอีกที่หนึ่ง พ่อของลุงเป็นทหารเคยรบที่สงครามเวียดนาม ที่นี่เป็นหลุมฝังศพของทหารอีกหลายนายที่เคยรบในสงครามที่ต่างๆรวมถึง สงครามที่เกาหลี และสงครามโลกครั้งที่สอง สามคนยืนที่หน้าหลุมฝังศพ เนื่องจากอยู่บนยอดเนินเขาทำให้ มองเห็นภาพทิวทัศน์เป็นเนินเขาทอดยาวและมองเป็นเมืองที่ผมอยู่ตั้งอยู่ไกลพอผมควรแฮะ  ได้เวลาแล้ว ลุงขับรถถึงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของเมืองที่ผมอยู่ ซื้อของครบแล้ว ผมกลับบ้านไปทำอาหารที่บ้าน เป็น บล็อคโคลี่ผัดไข่ ไข่ตุ่นแครอท และกล้วยราดน้ำผึ้ง และน้ำ ผึ้งผสมมะนาว ไม่รู้รสชาดเป็นไงบ้าง ลงกับป้าก็ชมผมอย่าเดี่ยวเลยย  ที่โต๊ะอาหารป้าให้เกียรติลุง และลุงก็ให้เกียรติป้า แอะ :D ทั้งสองดูรักและเอ็นดูกันมาก ผมเก็บภาพความอบอุ่นและความรักระหว่างสองคนระหว่างที่ทานข้าวในโตะอาหารมื้อนี้ไว้  ทานข้าเสร็จมาดูทีวีอีกห้องหนึ่งรายการประกวดคล้ายกับ The star บ้านเรา จบแล้ว ก่อนกลับ ผมบอกลุงกับป้าว่า ผมขอทำสิ่งนี้ให้ได้ไหมครับ ผมให้ป้าและลุงนั่งที่เก้าอี้ ผมขอกราบลุงและป้าเป็นการแสดงความเคารพและความรักที่ผมมีให้ ผมบอกว่าผมทำแบบนี้กับพ่อและแม่ของผมก่อนผมจะมาที่นี่  ป้าบอกว่าที่นี่เขาแสดงความรักด้อวยการกอด ก่อนที่ป้าจะเข้ามากอดผม และผมขอกอดคุณลุงด้วยครับ ผมไม่รู็จะอธิบายถึงภาพและความรู้สึก ความรัก ความอบอุ่น ในวันนี้ทั้งวันที่ผมได้รับ ขอบคุณครับ ขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยนะครับ ระหว่างที่อยู่ในรถป้าถามผมว่าผมติดต่อพ่อแม่ยังไง ผมบอกไปว่าผมมีบล็อคครับ ผมเขียนเรื่องราวต่างๆที่ผมได้เจอรวมถึงผมเขียนถึลุงกับป้าด้วย พ่อแม่ผมได้อ่านแล้ว และบอกให้ผมแวะไปหาลุงกับป้าที่บ้าน  และป้าบอกว่า พวกเราก็ดีใจและฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ  ....กลับห้องดีกว่า

4/24/2011

Mr.Oui ตอน ไก่ไหม้ -0- ทำไงดี :D

             หลังจากที่พบป้าจอยผมก็เดินมาถึงร้าน เคเอฟซี ด้วยเวลาอันรวดเร็ว หิมะเลิกตกแล้วหลังจากเมื่อวาน ช่วงเช้าฝนตก ซักพักเม็ดฝนกลับกลายเป็นหิมะ ขาวโพลนไปหมด มีคนบอกผมว่านี่น่าจะเป็นหิมะกลุ่มสุดท้านก่อนเข้าฤดูใบไหม้ผลิเต็มตัว แต่ยังไงวันนี้อากาสแจ่มใส ถึงร้านทักทาย Dian cole และ kristal และเธอได้แนะนำผมกับพนักงานคนใหม่ เป็นหนุ่มด้วยนักเรียนชาวเมกัน วันนี้ไก่ในตู้อุ่นจะเตรียมไว้กี่ถาดครับ เะฮบอกว่า Originalง (ไก่สูตรดั่งเดิม) 4 ถาด Crispy (ไก่กรอบ) 2 ถาด Dian เป็นผู้จัดการเคเอฟซีสาขานี้ เธอเป็นคนใจดี อารมณ์ขัน แต่พอทำงานเธอจริงจังขึ้นมาทันที เธอแกล้งขู่ผมเล่นว่า เตรียมตัวโดยสังหารไว้เลยวันหน้า :) และแล้วมันก็เป็นจริงอย่างนั้น วันนี้ระหว่างที่หย่อนไก่สูตรดังเดิงลงไปในอ่างน้ำมันผมปิดฝา และผมก็รีบไปทำไก่ถาดที่สองทันที โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองลืมกด Timer ตัวตั้งเวลาไว้ ชุบไก่ในแป้งจัดเรียงบนตะแกรงเตรียมถาดที่สามมาหย่อนที่ถังน้ำมัน สายตาผมก็แหลือบไปเห็นสิง่ที่ผมไม่อยากจะเห็น -0- ผมลืมกด Timer ถังที่หนึ่ง ตายหละ"  ทำไงดีวะเนี๊ย ผ่านไปกีนาทีแล้ววะเนี๊ยยย  ลองปิดรีเซตเครื่องใหม่แล้วกดต้เวลาให้เหลือ 5 นาทีหละกัน ผลออกมาเป็นไงเป็นกัน ลุ้นอยู่ในใจว่าไก่จะออกมาเป็นไง ช่างเป็นห้านาทีที่ตื่นเต้น ยาวนาน ซึ่งปกติการทำไก่สูตรดั้งเดิมโดยเครื่องถังน้ำมันจะมีปุ่มกดตั้งเวลาเฉพาะแต่ละสูตรไปซึ่งเวลาแต่ละสูตรจะแตกต่างกัน สำหรับ สูตรดั้งเดิมใช้เวลา 15 นาที เวลาที่เครื่องนับถอดหลัง 10 , 9 , 8 ในใจลุ้นอยู่ตลอดถึงผมที่จะออกมา 7 ,6 ,5, 4, ถ้าออกมาเกรียมนี่จะทำไงว๊า สามวินาทีที่เหลือ เตรียมใจไว้ว่าเกรียมชัวร์ 3 , 2 , 1, 0 ตื๊ด ๆ ๆ ๆ เครื่องส่งสัญญาณเตือนหมดเวลาจุ่มไก่ และมันจะหมดเวลาทำงานผมด้วยไหนเนี๊ย จะไล่ออกไหมมม ผมเปิดฝาออกมา ใช้ตะขอยกตะแกรงไก่ขึ้นมา ค่อยๆ ยกขึ้นทีละน้อย ขณะที่ตะแกรงไก่ชั้นแรกพ้นผิวน้ำมันภาพแรกที่เห็น -0- "เกรียม"  สูตรไก่เกรียมของผม ทำเอาตัวเองใจหายไปตามคาด เอาไงดีวะ ผมรีบหยิบไก่เก็บจากตะแกรงใส่ถาดอย่างรวดเร็ว ในใจหนึ่งคิดว่า จะรีบเอาไปทิ้งขยะให้เร็วที่สุดแล้วหาอะไรกลบไว้ แล้วรีบทำภาดใหม่ให้ทัน แต่ความดียังพอมีบ้าง แอะ! ถ้าเราทำยังงั้นมันไม่ดีนินา เชื่อในความดี สู้พูดความจริง ดีกว่าผลจะเป็นยังไงช่างมัน ภาพตอนที่ผมยังเด็กตอนทำจานแม่แตกผุดขึ้นมา ตอนนั้นผมคิดทำไงดี คิดแล้วคิดอีก ไปแกล้งบอกแม่ว่าคณุให้มาทำแบบสำรวจวิชา กพอ. เกี่ยวกับว่า ข้อ 1. ผมก็ตั้งข้อมาสอบถามแม่ว่าจะคิดแบบไหน 2. และข้อสามถามว่า ถ้าลูกทำจานแตกจะโกรธไหม แม่บอกว่าไม่โกรธ ผมสารภาพทันที และเมื่อวันก่อนผมได้ฟังท่าน ว.วชิระเมธี ตอนเด็กที่ไปตักน้ำแล้วทำ วิทยุทาานสิสเตอร์ตัวโปรดของแม่ตกลงไปในบ่อน้ำ แล้วหาวิธีนั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อ ในที่สุดท่านก็บอกแม่ สถานการณ์นี้ก็เช่นเดียวกัน ผมสารภาพความจริงน่าจะเป็นสิ่งที่ีที่สุด พอผมหยิบไก่ใส่ถาดเก็บไว้ในตู้เสร็จ ผมเดินออกไปหน้าเคาท์เตอร์ร้าน Dian และ kristal ยืนอยู่ ผมเดินไปหา Dian ซึ่งกำลังกวาดพื้นอยู่ Dian ครับ  ขออนุญาติครับ ผมมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกคุณ เธอแกล้งทำสีหน้าตกใจสุดขีด เธอจะแต่งงานหรอ ไม่ครับบบ ผมลืมกด Timer เธอกวาดพื้นสักพัด Krital เดินอเคยบอกก่อนหน้านั้นแล้วว่าถ้าทำไก่ไหมเธอจะปรับเงิน 40 ดอลล่า ขู่ๆ ผมถามว่าแล้วจะปรับเงินผมไหมครับ ไปคุบไดแอนเองนะ เธอเตือนผมว่าถ้าลืมต้องรีบมาบอกเราเลย ผมก็แก้สถานณ์การเองเพราะถึงตอนนั้นถึงบออมันก็ไม่ทันแล้ว Dian กวาดพื้นเสร็จเดินเข้าไปที่ห้อง ผมเตีรยมไก่ทีเหลือเสร็จ ผมลองเดินไปคุยกับ dian ท่าจะดีกว่า ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านๆผ โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นแค่การขู่ก็ตาม Dian ขออนุญาติครับ Dian นั่งนับเงินอยู่ คุณจะปรับเงินผมไหม เธอยิ้มแต่แกล้งผมสีหน้าขรึม 1. ไม่คิดว่าผมจะสารภาพว่าทำไก่ไหม้ 2. ไม่คิดว่าผมจะมาถามว่าเธอจะปรับเงินผมจริงรึป่าว เธอเตือนว่าครั้นี้ยังไม่ปรับ แต่ครั้งหน้าถ้าทำไหม้อีก ฉันจะจับเธอตีก้น ผมขอโทาจะยิ้มให้เธอ ครับผม ผมจะระวังไม่ให้ไก่เกรียมอีกครับบ  ผมขอโทษและไปทำงานต่อ ถาดไก่เกรียมวาไปไว้บนโต๊ะ ซึ่งพนักงานคนอื่นเข้ามาเจอก็คงรู้กันว่ว่ ไอ้อุ๋ยมันทำไก่เกรียม เพราะไก่ที่เกรียมจะไม่เอาไปทิ้งขยะ แต่ Dian จะลองแป้งออกและฉีกเอาเนื้อไก่กลับบ้าน เมื่อพนักงานคนอื่นมาเห็น พอช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย ทุกคนที่อยู่หน้าร้านก็มายืนคุยกัน ซึ่งผมอยู่ในครัวล้าง เช็ดโต๊ะ แอบเหลือไปเห็น Dian กำลังเอาเรื่องผมไปเล่าให้เพื่อนพนักงานคนอื่นๆฟัง แบบสนุกสนาน และขำกันใหญ่ วันนั้นทั้งวัน ตอนแรกคอดว่าคงโโยว่า แต่ด้วยการพูดความจริงบวกความใสซื่อ ผมเรียกว่า ซื่อสัตย์ แล้วกัน ทำให้ Dian และเพื่อนพนักานคนอื่น เชื่อใจ และได้ใจเพื่อนพนักของอื่นๆ โดยเฉพาะ Dian ผมรับรู้ได้....การยอมรับในความผิดพลาด และการพูดแสดงถึงความรับผิด มันก้ทำให้เรื่องที่คิดว่าร้ายกลับกลายเป็นเรื่องดีซะงั้น  :)  ขอบคุณสถานการณ์ ผมระวังตัวมากตลอดทั้งวันในการทำงานและการเปลี่ยนเตาน้ำมัน......  จบตอน

ความห่วงใยจากป้า Joy

                  เมื่อวานผมทำงานบ่ายสามโมงครึ่ง นั่งอ่านหนังสือรอที่โซฟานุ่มตัวเดิมที่ Gateway mall  ห้างสรรพสินค้า Gatway mall เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กของเมืองนี้ แต่ช่วงหลังมาคนไม่ค่อยนิยมมากนักเพราะมีห้างขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเมือง คือ Kirkwood mall ทำให้หลายร้านปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย แต่ว่าบรรยากาศภายในห้างถึงแม้ไม่ได้คึกคัดแต่ก็ไม่ได้ร้างผู้คนไปทีเดียว ภายในยังมี ร้านขายยาขนาดใหญ่ ร้านอาหาร 50'c cafe และ ร้านอาหาร Chinatown ร้านขายของเสื้อผ้า เครื่งประดับ ร้านตัดผม รวมถึง คลินิคด้านสุขภาพขนาดใหญ่ Prime Care Health Center ซึ่งเป็นคลิที่มีผู้สูงอายุเข้ามารับการตรวจสุขภาพและรักษาอยู่เป็นประจำ ด้วยการที่ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยน้อยนี่เอง จึงทำให้ที่นี่เป็นที่เดินออกกำลังกายและพบปะของบรรดาเหล่าคุณลุงคุณป้า โดยจะเดินรอบภายในห้างกัน เพื่อออกกำลังกาย  โซฟาตัวนุ่มสี่ห้าตัตั้งอยู่หน้า คลินิค ซึ่งวางตัวอยู่ท่านกลางเส้นทางการเดินออกกำลังกายของบรรดาคุณลุงและคุณป้า โซฟาจึงเป็นที่นั่งพักของเหล่าลุงป้า บางครั้งทำให้ผมนั่ใกล้วงสนทนาแบบห่างๆอย่าห่วงไปโดยปริยาย การเดินทางโดยรถเมย์จากอพาร์ตเมนต์จากหอให้เวลา 35 นาที ผมนั่งรอก่อนทำงาน ประมาณชั่วฌโมงครึ่ง สิ่งหนึ่งจะทำคือการหยิบหนังสือ Love Your Children The Right Way ของหลวงพ่อปัญญา นันทภิขุ ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่ผมหยิบติดตัวมาจากเชียงใหม่ และเผลอหลับไปอยู่เป็นประจำ เมื่อวานนี้ก็เช่นเดียวกับทุกวัน ในขณะที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาคู่หู คุณป้าคนหนึ่งเดินด้วย walker เข้ามาทักทาย Hi  และเธอเอขอนั่งข้างผม Hi ครับ  ผมเป็นนักศึกษาจากประเทศไทยครับ มาทำงานที่นี่ช่วงซัมเมอร์ ผมแนะนำตัวเองให้ป้าหายสงสัยเป็นอันดันแรกผมรู้ดีว่าทุกคนก็คงสงสัยว่า พ่อหนุ่มน้อยคนเอเชียคนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน และป้าก็เช่นกันเธอบอกว่า เธอมาเดินออกกำลังกายที่นี่เป็นประจำและเห็นผมนั่งคนเดียวเป็นประจำ บางครั้งนั่งหลับ ป้าอยากเข้าคุยหลายวันแล้วแต่เธอหลับอยู่ ป้าบอกต่อไปว่า ป้าคิดถึงมาตลอดหลายวันว่า เด็กคนนี้เป็นใครกัน เขาจะเหงาไหมน๊า ป้าเห็นผมนั่ง Alone (โดดเดี่ยว) และป้ายังบส่วนใหญ่อกอีกว่าท่าป้ามาตอนเช้าจะไม่ค่อยเห็นผมสักเท่าไหร่ ผมยิ้มอย่างซาบซึ้งในความห่วงใยจากป้า ผมซาบซึ้งมากครับ คุณป้าชื่ออะไรครับ ป้าชื่อ Joy ผมอุ๋ยครับ ป้าบ่นปวดเข่าเพราะผ่าตัดมา ที่จริงแล้วผมเป็นนักศึกษากายภาพบำบัดที่ประเทศไทยครับ ช่วงซัมเมอร์ ผมเลยมาทำงานที่นี่ ป้าถามว่าผมทำงานที่ไหน :) ผมทำงานที่ KFC ข้างนอกห้างนี่เองครับ ผมจึงมานั่งรอที่นี่บางทีอ่านหนังสือ บางทีผมก็นั่งหลับครับ :) อกว่า ใช่ๆ ป้าเห็นเธอมาหลายวันแล้ว เธอหลับ ป้าเลยไม่ได้เข้ามาคุย เธอถามว่า แล้วงานเป็นไงบ้าง มีเงินพอใช้รึป่าว ผมขอบคุณป้าแบบซาบซึ้งจากใจ มีพอครับ ขอบคุณมากครับ เธอบอกวัน easter day ของชาวคริส ซึงเป็นวันหยุด ครับผม ผมบอกเธอว่าผมมาที่นีเพื่อที่จะมาหาประสบการณ์ เรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นี่ มาลองฝึกภาษาอังกฤษด้วยครับ เธอบอกว่า ไว้สักวันเธอจะพาไปเที่ยวแล้วกัน ครับผม :) ผมชวนเธอคุยเกี่ยวกับวัน ester ซึ่งเป็นวันสำคัญและเป็นวันหยุดของคนที่นี่ เขามีงานเฉลิมฉลองกันยังไงบ้างครับ (แอบถามเผื่อบางทีป้าอาจพาไปดู แฮะๆ : D ) ป้าบอกว่าส่วนใหญ่เขาไปที่โบถส์กัน เธออยากพาผมไปเหมือนกัน แต่บ้านป้าอยู่อีกเมืองหนึ่ง และป้าเจ็บเข่าบ่อยช่วงนี้ ครับ แล้วเธออยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง เธอชวนผมคุยหลายอย่าง ทุกเรื่องสื่ออกมาถึงความเป็นห่วงเป็นใย ในใจผมคิดซาบซึ้ง ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน กลับเป็นห่วงใย คิดถึงผมอยู่หลายวันว่าจะเป็นไงบ้าง กลัวผมโดดเดี่ยว ขอบคุณในความหวงใยครับป้า Joy เธอถามว่าผมทำงานกี่โมง ครับอีกห้านาทีครับ ได้ๆๆ งั้นเธอควรไปได้แล้ว ครับ ไว้เจอแลสุขภาพด้วย ลาแล้ว ป้าก็ลุกขึ้นโดย walker ออกเดินออกกำลังกายต่อ Bye Bye ผมเดิมยิ้มออกไปจากห้าง ไปทำงานด้วยความดีใจและซาบซึ้ง......... ติดตามต่อตอน Mr.Oui ตอน ไก่ไหม้ -0- ทำไงดี :) แฮะๆ  เจอกันครับบบ

4/20/2011

เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา

เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา เราคงไม่ใช่ของของมัน วันนี้ผมตื่นเช้าเพื่อไปทำ Social security card อีกรอบ ผมค่อนข้างรีบน่าดู จนทำให้ไม่ได้สำรวจของที่นำติดตัวไปทุกเช้า ปกติผมจะสำรวจเตรียมของก่อนออกจากห้องทุกวัน เผลอจนได้ ผมทำมือถือหล่นไว้ตรงไหนหว๊า เอ หาไม่เจอแฮะ คิดทบทวนๆ ครั่งล่าสุดที่รู้ว่าไม่ได้เอามือถือติดตัวก็ที่ Social office นี่น่า หรือว่าหล่นที่รถเมย์กันน๊า  ก็น่าเสียดาย แต่ก็ช่างมันเถอะ  ในเมื่อมันไม่ใช่ของของเรา อย่ายึดติด อะไรกับข้าวของมากนัก แล้วผมจะเอาอะไรเป็นนาฬิกาปลุกกันหละ เอ๊าละคราวนี้คงต้องกลับจากทำงานแล้วอาบน้ำนอน ดีเหมือนกัน ฝึกตัวเองให้ตื่นหกโมงเช้าทุกวันเอง ลองดู "เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา" และเมื่อคืนผมลองเตรียมคำพูดซ้อมไว้เพื่อที่จะไปหางานสอง Hi,Are you hiring? (สวัดีครับ ไม่ทราบว่าคุณรับสมัครพนักงานไหมครับ) หน้ากระจก ยิ้มแล้วยิ้มอีก :) ยิ้มแบบไหนจะกินใจคนทั้งโลก ก็คงไม่ขนาดนั้น หลังจากที่ทำ Social security card เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินท่ามกลางฝนหิมะมายัง ห้างสรรพสินค้า Gateway mall เดินผ่านหน้าร้านอาหารจีน China town สอง สามรอบ อายๆอยู่ ดูลาดราว แวะเข้าห้องน้ำที่ห้างสองรอบ มองกระจกหามุม ซ้อมๆ เอาหละลองดู มาถึงขนาดนี้แล้วอย่าอายน่า   ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านดันกำลังคุยโทรศัพท์ ผมต้องยืนเกร็งรอสักพัก Hi I am a student from thailand  Now I try yo find a partime job เกริ่นนำเข้าสู่ประโยคเด็ดที่ตระเตรียมมาทั้งคืน Are you hiring? ......  "No" I am sorry. สั่นๆจะได้ใจความ ประโยคทองที่เราอุตส่าซ้อมยิ้ม ซ้อมพูดอยู่หน้ากระจกได้ล้มครืนลงมาทันตา ฮ่าๆ ในขณะวินาทีที่ได้รับตอบตอบ No ในใจผมกลับ :) ยิ้มผมได้ทำแล้ว ก่อนเดินออกมาจากร้าน ขำตัวเองในใจ "เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา"  ตอนแรกผมคิดอยู่ว่าตัวเองจะไม่กล้าเข้าไปเกือบตัดสินใจกลับแล้ว ดีใจที่ตัวเองได้หาอะไรทำแค่นี้ก้เยี่ยมมาก ผมให้รางวัลกับตัวเองโดยการนั่งรถไปกินข้าวเที่ยงที่ Soup cafe หละกัน   ทานซุปเรียบร้อย "ผมจะไป Dan supermarket ยังไงครับ" ผมกางแผนที่ให้น้าที่ร้านดูเรียบร้อยผมเดินไปจนถึงหน้า Supermarket หญิงฝรั่งคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับผม เธอน่าจะบ่นเกี่ยวกับหิมะที่ตกลงมาทุกวันในฤดูใบไม้ผลิ ป้าบ่นใหญ่หันมายิ้มพูดรัวโดยใบไม่เกรงใจดั้งผมเลย $#$%^^*^%$$ (พูดรัว) ..ผมยิ้มให้เมื่อเธอหันมาเพื่อรับความเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด :) ยิ้มกลับคือสิ่งที่ทำได้ เธอเดินมาพูดกับผมจนกระทั้งถึงประตูห้าง ผมยิ้มกับเธอก่อนที่จะพูดว่า I am sorry I don't understand เธอหัวเราะขึ้นมา บอกว่า ฉันก็คิดแล้ว :) บายๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกัน ผมลองไปดู ผัก วัถตุดิบที่พอจะทำอาหารไทยได้บ้าง ว๊าว มีกะทิเท่ากระป๋อง จากเมืองไทย มาวางขายที่นี่ด้วย ผักหน้าตาคล้ายกับบ้านเราแต่ไม่รู้รสชาดจะคล้ายกันไหม  น่าจเท่าที่ดูน่าจะมี ม๊อคโคโลนี่ ข่า(คล้ายๆข่า) กระเทียมหัวละสิบบาท ที่ไทยเราผมได้เป็นพวง คล้ายคลื่นไช้(ภาษษกลางเรียกว่)าอะไร มะขามเปรีี้ยวบ้านเรา สี่ห้าฟัก สามสิบบาทฯลฯ อาหารที่ค่อนข้างแพงเมื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา  น่าจะพอทำได้แฮะ ผมเดินกลับไปห้อง ระหว่างทางที่ผมเดินกลับ มีรถคันหนึ่งมาจอดข้างๆ Hey,Oui จะไปไหน ให้ผมขับรถไปส่งไหม? Look ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่เคยเจอตอนผมไปช่วยงานที่ร้าน Soup cafe เมื่อสองวันก่อน ผมเดินเข้ามาที่รถ คุณจำผมได้ไงครับ เขาบอกว่าที่เมืองนี้มีคนเดินน้อย เห็นข้างหลังก็น่าจะใช่ look ขับรถมาาส่งผมที่อพาร์ทเมนต์ "ขอบใจมาก :)" กลับมาดูทีวีสักสักใหญ่ ห้าโมงครึ่งแล้ว หิวทำไงดีไปร้านซุปคาเฟ่อีกรอบดีกว่า อ้าว look นั่งอยู่ในร้านด้วยแฮะ ผมเข้าไปนั่งด้วยทานซุปไปด้วย look พูดถึงเรื่องกฏสิบข้อของคริสให้ฟัง เพราะผมถามเกี่ยวกับ ความเชื่อของศาสนาคริส ยาวเลยทีนี้ กฏสิบข้อ ระหว่างที่คุยมีน้องสาวสองคที่เคยเจอในร้านเมื่อครั้งมาช่วยงานครั้งแรกเข้ามาสมทบ look อาสาขับรถพา สาวน้อยสองคน รวมทั้งผมมาส่งที่บ้าน สองทุ่มแล้ว ผมเดินจากห้องไปที่บ้านลุงจอห์นกับป้าหลุย ลุงจอห์นเปิดประตูต้องรับเชิญเข้าบ้าน "ครับ ผมแค่จะมาบอกว่า วันหยุดหน้าผมขอมาทำอาหารไทยทีบ้านได้ไหมครับ ลุงดีใจมาก เรียกป้าหลุยมาคุยด้วย ผมเคยไดยินคุณป้าเล่าเกี่ยวกับคุณนูนี่ เคยมาทำอาหารไทยที่บ้านป้า งั้นวันหยุดหน้าผมขออณุญาติมาทำอาหารไทยที่ครัวบ้านป้าได้ไปมครับ ป้าดีใจ ป้าบอกว่าวันไหนดี หยิบปฏิทินขึ้นมา วันนี้วันเกิดป้านะ ห๊ะ วันเกิดหรอครับ สุขสันต์เกิดครบรอบ 66 ปีของป้า ก่อนที่จะหยิบปฏิทินตารางเวลางานองลุงและป้า  โหวกว่าสามคนจะตกลงเวลากันได้ ป้าและลุงมีตารางนัดทำงานเป็นล่วงหน้าเป็นสี่ห้า โหว ตกลงกันว่างั้นเป็นวันที่ 28 เมษา เช้าไปซื้อของด้วยกันที่ supermarket เย็นค่อยมาทำอาหารกัน ครับผม ป้าเคยทำงานเป็นพยาบาลตอนนี้หันมาทำงานเป็น counselor ที่คลินิคกับคุณลุง ฝรั่งแสดงออกถึงความรักให้กันน่ารักทีเดียว ก่อนกลับ ผมบอก Happy birth day  ป้ามีความสุขตลอดเพราะคุณลุงจอห์นเป็นคนดี :) ผมมีความสุขและอบอุ่นมากครับที่ได้เจอ ผมบอกลา แล้วก็กลับห้องไป.........แล้วเจอกันครับบบ