Let's Love everything in this planet

3/29/2011

ช่วยงานสาขา south store

            ปกติวันนี้เป็นวันหยุดของผมตามตาราง แต่ว่าสาขาสองคนลาออก ผมจึงถูกเรียกไปทำงานที่สาขาสอง south store ซึ่งเป็นสาขาในการดูแลของครอบครัวจอห์นและไอแอน โดยลูกสาวเคร่า เป็นผู้จัดการ สาขา south จะไม่ค่อยวุ่นวายและยุ่งเหมือนสาขาที่ผมกับวินทำอยู่ปกติ  สันน้องคนไทยทำงานที่สาขานี้เป็นประจำ  การทำงานในสาขานี้ จึงสบายและไม่เร่งรีบเหมือนสาขา North store ที่ผมทำอยู่ เคร่าและเพื่อนร่วมงานที่นี่สนุกสนาน หยอกล้อกันเป็นปกติ จึงทำให้ผมและสันทำงานเสร็จเร็วกว่าปกติ วันนี้ผมได้เห็นความแตกต่าระหว่าสองสาขาซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของครอยครัวเดียวกัน สาขา North store เป็นสาขาที่ได้รับรางวัลหลายอย่าง ด้วยอยู่ในเขตที่คนเยอะกว่าจึงทำให้การทำงานที่นี่ค่อยข้างเคร่งครัด รวดเร็ว เพื่อนร่วมงานที่นี่ค่อยข้างจริงจัง จอห์นคงบคุมด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่  ต่างจากสาขาที่ south มาก แต่ที่นี่ก็มีระเบียบและความสะอาดไม่แพ้กัน  ..... 

3/28/2011

นายจ้างจอมเหี๊ยบและหัวหน้างานจอมเจ้าเลย์ (ผู้ไล่ล่าและผู้ถูกล่า)

              จอห์นและไดแอน สองสามีภรรยาวัยกลางคนผู้จัดการใหญ่ของร้าน KFC ที่ Bismarck  จอห์น ชายวัยกลางคนรูปร่าง อ้วนใหญ่ มองไปคล้าย แฮกริด ในหนังแฮร์พอตเตอร์ เล็กกว่า แต่ความใจดีนั้น ช่างต่างจากแฮร์กริดลับลับบ  จอห์นและไอแอนผมสัมผัสได้ว่า คนสามีเป็นคนจิตใจดีทีเดียวนะ แต่ตอนทำงาน สองคนนี้จะปลี่ยนไปทันที ดุ หน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ทำไรผิดพลาด ขึ้นมาหละก็น่าดู  ซึ่งวันแรกๆ ภาษาอังกฤษของผมคงทำให้คุณจอห์นฉุนไปหลายตลบ งานยังไม่เข้าท่า เมื่อสองวันก่อนเป็นวันแรกที่ผมเข้ากะเช้าสิบโมง ผมต้องทอดไก่ทุกชนิดคนเดียวให้เสร็จภายในสิบเอ็ดโมง ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนว่าต้องเตรียมทุกอย่างให้เสร็จก่อนสิบเอ็ดโมง อีกทั้ง นี่ผมสั่งคุณมาสามรอบแล้ว ให้ทำ เฟย์ โดนดุเข้าไป ความตึงเครียดคืบคลานเข้ามาหา  แต่ผมก็ยิ้มในใจว่า  ดีแล้วได้มาเจออะไรแบบนี้  จอห์นส่ายหน้า ทำงานทุกอย่างที่นี่แข่งกับเวลาเอาทีเดียว ทุกครั้งที่ผมเดินเข้าร้านมาทำงาน พอ clock  in  คือ เริ่มกดเวลาทำงาน ห้าชั่วโมงผมแทบไม่ได้หยุดทำงาน  ทอดไก่ ตามออร์เดอร์เสร็จ พอทอดไก่เสร็จ ต้องมาล้างจานไว้ เพราะถ้างั้นมันจะสะสมมหึมาตอนเย็นเสร็จๆ ล้างจานไม่ทันเสร็จดีต้องกลับมาทอดไก่ ทิ้งขยะ ทำตัวอะเริศ ^^ อยู่ตลอดเวลา จัดสรวรเวลาว่าต้องทำไรต่อไป ให้งานเสร็จทันเวลา เพราะไม่งั้น ไม่ต้องถามถึงคำตอบ   ห้าชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนก็หก แต่ทำไปมันก็เพลินๆดี งานก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไรเมื่อเทียบกับ ชาวนาหรือกรรมกรแบกหาม และก็เอาการทีเดียว :D การทำงานเป็นระวิงและเจอเจ้านาย จอห์นหน้าเครียดผมไม่ได้เกียงบางทีผมกลับชอบด้วยแฮะ แต่ที่ทำให้ผมตะงิดนิดๆ คือ  หัวหน้าจอมเจ้าเลย์ คริสตัล สาวห้าว หัวหน้างาน เธอเป็นคนเฮฮา โผงผาง ผมสัมผัสได้ถึงความหัวหมอและเล่เหลี่ยมของเธอ แต่ก็อย่างว่า ด้วยบุคลิคของผมเอง ผมอาจจะดูซื่อไป ผมรับรู้ทุกอย่าง แต่ก็ยอมๆไป เมื่อสาองวันก่อน เวลาผมตามตารางต้องเลิก 9.30 ผมยังทำงานไม่ทันเสร็จ ช่วยเพื่อนร่วมงานอีกคน จนเสร็จ 10.30 คริสตัล เธอแอบ clock out เวลาของผมที่เครื่องลงเวลาเข้างานออกงาน พอผมไปกดเวลาออกงานของผม เครื่องบอกว่า ผมได้กรอกเวลาหยุดงานไปแล้ว ผมเดินไปถามเธอ เธอทำไม่รู็ไม่เห็น ไม่ได้คำตอบจากเธอ เธอทำงานของเธอต่อ  สักพัก ผมเดินเข้าไปถามเธออีกครั้ง ได้คำตอบแบบรัวภาษาอังกิดใส่ ผมไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้สึกได้ว่าประโยคที่เธอกำลังพูดใน ไม่ใชแง่บอกแน่ๆ :D   วันรุ่งขึ้นผมไปถามไดแอนนายจ้าง ผมขอดูเวลาที่ผมทำงานเมื่อวานได้ไหมครับ เธอก็เปิดโปรแกรมเวลางานให้ผมดู ผมโดนคริสตัลแกล้งเข้าแล้วสิ ในใจผมบอกว่า ก็ดีเหมือนกันแฮะ เจอคนแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ ถ้าไม่เจอตอนนี้  วันข้างหน้าในที่ทำงาน มันต้องมีคนแบบนี้แน่ วันนี้ เธอมารับผมและวินเพราะวันอาทิตย์จะไม่มีรถเมย์ เธอถามน้องวินว่ามีตังคืสามสิบเรียญรึป่าว เธอจะเติมน้ำมัน เอะคำพูดเธอจะเชิงยืมตังค์รึป่าวหน้า สองแหงาสองง่ามจริงๆ ผมและน้อง ออกกันคนละสามสิบ และถามกันว่า จะได้คืนรึป่าว  คำตอบมันชัดอยู่แล้วว่าคงไม่ได้คืน  สัน น้องคนไทยที่ทำงาน KFC คนละสาขาแต่พักที่เดียวกัน พาร์ทเน้อฝรั่งมาทำดีด้วย วันว่างชวนไปดื่มเบียร์ที่หอ และขอยืมตังค์ห้าสิบเหรียญ วันต่อมา ไดแอนเรียกเราสามคนมาคุย เรื่องที่ผ่านมาทั้งอาทิตย์ เตือนพวกเราว่า สิ่งที่ทำในเมืองไทยได้มาที่นี่บางอย่างไม่ควรทำ และ วันนี้ คริสตัลมาส่งผมกับบวินกลับถึงหอ คริสตัล ฝากบอกวันว่าให้ห่างจาก คริส พารืทเน้อของสัน เพราะว่า คริส กำลังเป็นผู้ล่า สันอยู่ เขาใช่ให้ทำงาน สั่งให้ทำงาน คริสตัวเธอกำลังจะล่าผมอยู่ต่างหาก     ....... 

3/24/2011

Snow man and Soup cafe

 วันผมตื่นเช้าเช่นเคยพร้อมอาการหนักหัวนิดหน่อยคล้ายจะเป็นหวัด จัดยาแก้ไข้ดักไว้ สองเม็ด ก่อนจะนอนพักซักชั่วโมง ก่อนถึงเวลา บ่ายโมง  เทียงแล้ว พี่อุ๋ยไปซุปคาเฟ่ไหม! สันน้องคนไทยที่มาพักด้วยกันเรียก น้องสองคนไปก่อนเลยครับเดียวพี่ตามไป สักพักผมใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา ร้องเท้า ไปที่ร้าย soup cafe วันนี้หิมะไม่ตกแล้วเหลือไว้แต่กองหิมะที่สูงจนถึงเข่าเลยที่เดียว บนถนนจะมีรถไถหิมะ เพื่อที่จะโกยหิมะออกจากถนน ผมเดินตามถนนไปจนถึงร้าน เปิดปะตูเข้าไปรับความอบอุ่นภายในร้าย สันและวิน นั่งกินซุปกันอยู่กวันนี้น้องสองคนมีงาน ผมว่างครับ ผมเดินไปสั่งซุปกับคุณ มาร์ค หนึ่งถ้วย แล้วมานั่งทานซุปกับน้อสองคน ภายในร้าน มีคุณ ทอมมี่ที่เป็นลูกค้าประจำ คุณทอมมี่เป็นชายวันกลางคน หน้าตาคล้ายกับคนอินเดียแดงที่เป็นชนพื้นเพของอเมริกัน คุณทอมมี่ผมยาวปะปา เคยเป็นทหารนาวิกโยทิน แต่ตอนนี้เขาเป็นคนไร้บ้าน เมื่อหกเดือนก่อนโดนชกเข้าที่คางทำให้ต้องดามฟันโดยใส่เหล็กดัดกรามทั้งฟันเอาไว้ ทำให้พูดอ้าปากไม่ได้ แล้วผมจะเข้าใจได้ยังไง ^^ คุณทอมมี่ยิ้มและพูดทักทายเราสามคน โดยที่มีวินคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ทอมมี่ทำเอาผมกะสันอึ้งไปเลยทีเดียวครับ  โต๊ะที่ผมนั่งมีคุณลุงใจดีคนหนึ่งผมจำชื่อลุงไม่ได้แล้ว ยิ้มทักทายพวกผม ในขณะที่คุณ มาร์คกำลังตักซุปให้กับลูกค้า และ ฝรั่งอีกสองคนกำลัง ล้างจาน ที่เคาท์เตอร์ร้าน ถึงเวลาที่น้องวินกับสันจะไปทำงานแล้ว พวกเราเก็บถ้วยซุปไว้ที่เก็บชาม เมื่อน้องๆเดินออกจากร้านไปเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปทำงาน  "ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ " ผมขอนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับลุงใจดีคนนั้น ได้เลย! คุณลุงเป็นชายวัยเริ่มต้นแก่ ^^ ร่างท้วม พุงอ้วน ตัวล็ก หน้าตาท่าทางใจดีมากก  ผมแนะนำตัวกับลุงว่าผมเป็นใคร คุยกับลุงได้พัก ก่อนน้องวิน และสันจะกลับเข้ามาที่ร้าน คุณลุงเล่าเรื่องราวของคุณลุง ให้ฟัง คุณลุงกำลังจะเตรียมเปิดบ้านสงเคาระห์เด็กกำพร้า โดยมีแผลนไว้ว่าจะเปิดทั่วโลกเลย โดยจะเริ่มจาก ไอริสเป็นประเทศแรก คุญลุงเล่าเรื่องราวของความเชื่อต่อพระเจ้าให้ฟัง หลายอย่างเกี่ยวกับความเมตตาของพระเจ้า ที่ท่านเคารพให้เราสามคนฟัง ก่อนที่ คุณน้าทอมมี่จะเข้ามาร่วมวงสนทนากับเรา ผมฟังลุงใจดีพูกรู้เรื่องพอจับใจความได้ ว่าคุณลุงกำลังเล่าอะไรให้ฟัง  ส่วนใหญ่ ผมจะส่งรอยยิ้มมากกว่าพูดตอบกลับบทสนทนากับคุณลุง ก่อนที่คุณมาร์คจะเข้ามาสมทบวงสนทนาของพวกเรา คุณมาร์คครับ  วันนี้ผมต้องทำอะไรบ้างครับ ก่อนที่คุณมาร์คจะขออนุญาติพาผมออกจากวงสนทนา ผมเดินตามคุณมาร์คออกมาที่เคาท์เตอร์ร้าน  ในขณะที่ น้องวิน น้องสัน คุณทอมมี่ และคุณลุงใจดีกำลังแลกบทสนทนา คุณมาร์คเริ่มสอนงานต่างๆภายในร้ายให้ผม ตั้งแต่ให้ผมใส่เอี้ยม อ้าวนี่ผมเหมือนเป็นเจ้าของร้านกาแฟเลยครับ ผมบอกคุณมาร์ค ก่อนที่คุณมาร์คจะพูดว่า เอ็กแซกรี่! ^^ คุณมาร์คสองวิธีขั้นตอนการล้างจาน การวางถ้วน แก้ว  บนชั้นวางต่างๆ ผมจัดการล้างถ้วยล๊อคแรกเสร็จ จากนั้นคุณมาร์คพาผมไปที่โต๊ะนั่งที่ลูกค้าเพิ่งเดินเข้ามา สอนวิธีการพูดในการรับสั่ง ออร์เดอร์โดยรอบแรกคุณมาร์คจะทำให้ดูก่อน และแนะนำผมเรื่องรายชื่ออาหารในร้านวันนี้ การตักซุป สอนทำ แฮม  แซนวิส และนำไปเสริฟ สนุกจัง เหมือนเป็นเจ้าของร้านกาแฟเลย หลังจากนั้นลูกค้าก็เริ่มเข้ามานร้านตลอด ผมเริ่มชินกับการเข้าไปรับออร์เดอร์ ตักอาหาร ทำแซนวิส และแฮม เวลาว่างจากการรับออร์เดอร์ ผมก็นำจานที่ชั้นวางจานที่ลูกค้าจะนำไปเก็บเองมาล้าง ชัดโต๊ะ กและมานั่งร่วมวงสนทนากับคุณลงใจดีที่กำลังนั่งคุยกับลูกค้าที่มาคนอื่น ในขณะที่ วินและสัน ไปทำงานเรียบร้อยเลย ผมได้อาศัยกิน ซุป ขนมเค๊ก ส้ม และน้ำที่ร้านซุปคาเฟนี่ฟละครับ ก่อนที่จะมี เพื่อนของคุณมาร์ค เข้ามาชายหนุ่มวัยกลางคนผมจำชื่อไม่ได้เข้ามาทักทาบกัยคุณมาร์ค กจากนั้นคุณมาร์คแนะนำผมให้รู้จัก ผมจำคร่าวว่าชื่อ เดฟ รึป่าวผมไม่แน่ใจ ขอเรียกว่าคุณเดฟหละกันครับ คุณเดฟใจดีมากกก ผมแนะนำตัวกับคุณเดฟ ผมมาจากประเทศไทยครับ อ๊าว ทำไมเลือกมาที่ นอร์ทดาโคต้าหละ?  ผมอยากเห็นหิมะครับ  ว๊าว! คุณเดฟ ชวนผมไปปั้น snow man ไปครับ ^^ ผมใส่เสื้อโค๊ชและตามลุงเดฟออกไปข้างนอกร้าน snowman ฝีมือผมกับคุณเดฟ เดฟถ่ายรูปให้ผมกับหนุ่มน้อย snow man ที่ผมปั้นขึ้นในมือถือผม และเดินเข้ามาในร้าน อวดคุณมาร์ค คุณเดฟเข้ามาคุยกับผม ผมบอกว่าอยากมาเรียนภาษาอังกฤษ ระหว่างที่ล้างจาน คุณเดฟสอนคำศัพท์ต่างภายในล่างล้างเตอร์ให้ผม แฮะๆ ลูกค้าทยอบหมุนเวียนเข้ามาในร้าย ทั้งเด็กน้อยและผู้ใหญ่ เกือบทุ่มแล้ว ลูกค้าคนอื่นหลับหมด เหลือกลุ่มเด็กน้อยไฮสคูล คนเจ็ดคน น้องวินที่ตามเข้ามาทีหลังโดยกลุ่มเด็กไฮสคูลชวนไปสูบซิกกาแรทข้างนอกร้าน คุณมาร์คกำลังจัดเก็บของในร้าน คุณเดฟกำลังจัดการกับซุปที่เหลือ และผมเช็ดโต๊ะอาหาร ร้านปิดทุ่มหนึ่ง คูณเดฟอาสาขับรถพาผมและวินไปส่งที่หอ ผมออกไปตามวิน ที่กำลังสูบซิกาแรทกับกลุ่มเด็กน้อยวันกำลังจะรุ่นนอกร้าน วินขอเดินกลับเอง สาวน้อยยิ้มทักทายเมื่อผมเดินเข้าไปหาและชวนผมสูบบุหรี่ ผมบอกว่าผมไมสูบครับ สาวน้อยตกใจ แปลกใจที่ผมไม่สูบและกล่าวขอโทษ ขอกอดได้ไหม? สาวน้อยถามผม ได้ครับ ก่อนที่เด็กน้อยจะเข้ามากอดและบายๆ ^^ ผมเดินกลับเข้ามาที่ร้าน ร่ำลาคุณมาณ์ค คุรมาร์คขอบคุณผมสำหรับงานหนักวันนี้ ผมยิ้มและยินดีครับ ซิกฉอนบายๆ แล้วตาามคุณเดฟขึ้นรถ มาส่งที่หอครับบบ  วันหน้าผมขอมาทำงานช่วยอีกนะครับ  :D

พายุหิมะ พาหยุดงาน

          พี่อุ๋ยหิมะตกแล้ว!!  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหิมะตก ก่อนหน้านี้เห็นแต่กองหิมะขาวโพลนทัวเมืองที่เป็นอนุสรว่าหิมะได้ตกมาไม่กี่วัน แต่วันนี้  ปุยหิมะที่ค่อยปลิวตกมากจากอากาศ ปลิวร่วงมากองรวมกันทำให้เมืองทั้งเมืองขาวโพลนไปหมด อากาศแห้งมาก ลม เม็ดหิมะ หิมะปกคลุมทั้งรถที่จอดริมถนน ม้านั่งริมข้างทางต้นไม้ หลังคาบ้าน ภาพที่เห็นช่างสวยงามและดูสะอาดตาจริงๆ ผมเปิดผ้าม่านหน้าต่างออกมาดู ก่อนกลับเข้าไปที่ห้องใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา ถุงเท้า สวมรองเท้าหนัง มุ่งสู่ร้าน soup cafe หาซุปกินอุ่นๆดีกว่า ร้านซุปคาเฟ่เป็นร้านเปิดมาได้สองปี โดยคุณ Marck และเพื่อน ช่วยกันเปิด เพื่อให้คนไร้บ้าน หรือที่เรียกว่า homeless หรือ ผู้คนในเมือง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ามากิน อาหารฟรี ผมเข้าไปกินซุปซักถ้วย ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้าที่จะเข้ามากินซุปที่ร้านคนเดียว อาย และกลัวการพูดคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง ผมตัดสินใจเข้ามาที่ร้าน กินซุปเสร็จ คุณมาร์คครับ ผมมาจากประเทศไทยครับ ฯลฯ ผมแนะนำตัวเอง ผมขอมาอาสาช่วยงานที่ร้านได้ไหมครับ คุณมาร์คตอบว่า  ยินดีครับ งั้นพรุ่งนี้ผมเริ่มได้เลยนะครับ  พอกินซุปเสร็จแล้ว ผมก็เดินมารอรถเมย์ที่ป้ายรถเมย์ที่เก่าเพื่อที่จะไปทำงาน ถึงร้าน KFC วันนี้หยุดเพราะพายุหิมะตกหนัก! แสดงว่าผมก็ต้องกลับหอใช่ไหม โอเคครับผมก็เดินออกมจากร้าน เพื่อจะมารอรถเมย์กลับ  ห้อง ปรากฎว่า หิมะตกหนักมาก ทั้งลมเย็นยะเยือก ผมรีบวิ่งไปที่ป้ายรถเมย์ ป้ายรถเมย์ที่นี่คล้ายกับป้ายรถเมย์บ้านเราแต่จะมีที่บังลมหิมะด้วย  ผมยืนที่ป้านรถเมย์ท่ามกลางลมที่พัดหิมะปลิวว่อน รวมถึงปุ่ยหิมะที่ล่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนัก สักพัก คริสตอล พนักงาน KFC ที่ร้านขับรถมาจอดที่ป้ายรถเมย์ เลื่อนกระจกหน้าต่างรถลง  ขึ้นรถเร็วเข้า!  ก่อนที่ผมจะรีบวิ่งเข้าไปในรถ คริสตัล สาวห้าว อาสาพาผมไปส่งที่หอพัก ระหว่างทางพายุหิมะตกหนักทำให้การจรสจรใน บริสมาร์คติดขัดนิดหน่อย ก่อนผมจะกลับเข้ามาที่ห้อง พร้อมกับอาการ หนักหัว เหมือนจะไม่สบาย เนืองจากยืนตากอากาศหนาว ท่ามกลางหิมะตก ที่ป้ายรถเมย์  วิน วันนี้พี่ไม่ได้ทำงางน วิน น้องคนไทยที่ทำงานที่เดียวกับผมซึ่งวันนี้ในตารางานน้องเขาหยุดอยู่แล้ว  แล้วผมจะกินอะไรหละวันนี้ กะไปกินที่ ร้านอย่างเดียวเลย  ความหิว น้องและผมจึงตัดสินใจ สั่ง Papa Jhon ซึ่งเป็นพิซซ่าขอเมริกา คล้ายกับพิซซ่าหัส 1112 บ้านเรา แต่ที่นี่จะสั่งออนไลน์ทางอินเตอร์เนต สามารถแต่งหน้า เลือกหน้าเอง ในอินเตอร์เนต คล้ายกับกำลังเล่นเกมออนไลน์เลย พอสั่งเสร็จ 30 นาทีผ่านไป พนักงานส่งพิซซ่ามาเคาะห้อง 13 ดอลล่า สำหรับพิซซ่ามื้นี้ เป็นครั้งแรที่ผมเสียเงินกับการซื้ออาหาร นับตั้งแต่มาอยู่อเมริกา กินเสร็จผมขอตัวเข้านอนก่อนดีกว่า เพราะรู้สึกหนักๆหัวยังไงชอบกล พรุ่งนี้ที่ผมรอคอยคือ   "Soup cafe "  เข้านอนดีกว่า  ^^

3/22/2011

พนักงาน KFC ตอน จานมหึมา กับปิศาจถังน้ำมัน ^^

       สี่วันของการได้มาเป็นพนักงาน KFC มันไม่ไดง่ายและยากเกินไปอย่างที่เราคาดไว้ วันแรกทางหัวหน้างานจะมีพาร์ทเนอร์สอนงานต่างๆให้เรา เริ่ม การทอดไก่ ไก่จะมีสี่แบบ Original, Strippy, Script และ fade และแป้งจะมีสองแบบ คือแป้งสำหรับ ทำ Original และ fade เป็นแป้งอันเดียวกัน ส่วน strippy และ Script ใช้แป้งอันเดียวกัน ขั้นตอนก็คือ เราต้องเตรียมถาดไก่ แบบ Original ไว้ในตู้อุ่น 3 ถาด Strippy 2 ถาด ส่วน Script และ fade จะทำได้ก็ต่อเมื่อ พนักงานขายข้างจะสั่งมา วิธีการทอดไก่ คือ นำไก่จากถุงในห้องเย็นซึ่งเป็นห้องเก็บไก่ที่ส่งมาจากฟาร์ม ถึงภายในห้องเย็นนั้น ถุงไก่จะมีสองสี สีแดงและน้ำเงินสำหรับทำ Original และ Strippy สีน้ำเงิน บรรจุ อก ปีก น่อง ขา ถุงสีแดงบรรจุ เฉพาะ น่องกับขา ถุงสีเขียวเป็นไก่แผ่น สำหรับทำ fade และ ถังสีขาวบรรจุชิ้นเนื้อไก่หั่นยาว การเลือกหยิบสีถุงไก่ขึ้นอยู่กับเราพิจารณาว่าในตู้แบบในใกล้หมดแล้ว เมื่อหยิบถุงไก่ออกมาจากห้องเย็นเพื่อทำ  Original หรือ Strippy  ก็เดินไปที่ถังแป้งชุบไก่ซึ่งมีสองฝั่ง ฝั่งแป้งทำ Original และ  fade ใช่ถังแป้งเดี่ยวกันซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ ถังแป้งสสำหรับทำ strippy และ Script  ภายในพื้นที่สำหรับชุบไก่ จะมี ตะแกงทรงกลมสามชั้นคล้ายกรงนกที่สามารถแยกเปิดเป็นสองฝาครึ่งวงกลม เรากางกรงห้อยไว้ข้างหน้าเตรียมสำหรับวางชิ้นไก่ มีอ่างล้างไก่ ถังแป้ง เมื่อล้างไก่ผสมแป้งเสร็จวางไว้ในกรงแล้วก็นำไปแช่ไว้ไนถังน้ำมัน ซึ่งมีวิธีการทอดแตกต่างกันไป ทั้งวิธีการทอดและอุณหภูมิที่ทอดโดยจะมีปุ่มกดให้เราเลือก เมื่อถึงเวลาที่เครื่องตั้งไว้เสร็จแล้วก็นำเหล็กที่สำหรับยกกรงตะแกงออกมาจากถังน้ำมันยกมาข้างไว้ในสะเด็กน้ำมันจากนั้นนำกรงตะแกงมาห้อยไว้ข้างบนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าตู้อุ่นขนาดใหญ่ แขวนกรงตะแกงไว้โดยแยกกออกเป็นครึ่งวงกรมจากนั้นหยิบไก่ออกมาวางไว้ในถาด เขียนเวลาขณะทอดไก่เสร็จติดไว้และนำไปไว้ในตู้อุ่นเพื่อรอคำสั่งจากพนักงานขายหน้าร้าน เมื่อพนักงานขายเรียกว่าต้องการไก่แบบไหน เราก็หยิบออกจากตู้อุ่นไปวางไว้ที่หน้าเคาท์เตอร์ชั้นวางไก่ข้างหน้าและกลับมาทำต่อเตรียมไว้ เช่นนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อวางจากการทอดไก่ที่้ตรียมไว้เสร็จต้องมาล้างจานที่พนักงานอีกคนจะนำจานจากหน้าร้านมาวางไว้ในอ่างล้างจาน อ่างล้างจานจะมีสามอ่าน สองอ่างไว้สำหรับล้างและอีกอ่างใช้สำหรับฉีดหัวฉีกที่แรงมากพ้นน้ำสะอาดล้างอีกทีหนึ่ง ในช่วง ห้าโมงเย็นถึง สองทุ่มจานที่มาล้างจะทยอยมาเรื่อยๆ แต่ช่วงเวลานี้จะวุ่นวายกับการทอดไก่เตรียมไก่ และถ้าหากพอมีเวลาว่างเพียงเล็กน้อยเราก็มาล้างจาน พนักงานหลังล้าน ทอดไก่จะมีเพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งทอดเอาไปแช่ถังน้ำมัน อีกคนหนึ่งพอถังน้ำมันส่งสัญญานบอกเวลาทอดเสร็จแล้วต้องคอยนำออกมาเก็บใส่ถาดนำไปเก็บไว้ในตู้อุ่นคอยรับออร์เดอร์ บางทีอีกคนทำไก่อยู่ อีกคนต้องมามาเอาไก่ออกจากถังน้ำมัน มาใส่ถาดเก็บไว้ตู้อุ่น ซึ่งถังน้ำมันมีทั้งหมด 7 ทำไก่กันจนเพลินลืมเวลากันไปเลย พอช่วงสองทุ่มจานกองมหึมาเริ่มทยอยขนออกมาจากหน้าร้าน จาน ถาดใส่อาหารปุฟเฟ่ ถาดไก่ กรงตะแกรง โต๊ะสำหรับชุบไก่ เครื่องมือ อุปกรณืทุกชิ้นในร้าน จะต้องขนมาล้างทุกวัน โดยคนเพียงคนเดียว การล้างจานแทบจะไม่มีเวลาแม้สักเพียงนาทีเดียวในการหยุดพัก กองมหึมาที่ติดหนึบไปด้วยคราบแป้ง ว๊าว เป็นการล้างจานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต หากวันไหนไม่ได้ทำหน้าที่ล้างจาน  จะต้องมาทำการ ล้องอ่างน้ำมัน เจ็ดถัง ซึ่งมีขั้นตอนและกระบวนการในการล้างใช้ได้เลยทีเดียว เตรียมมือสำหรับโดนเตาเบิร์นไว้นิดหน่อย การล้างถังน้ำมันแทบไม่แตกต่างจากการล้างจานสักเท่าไหร่ ภายในเวลากำหนดเท่านั้น ว๊าว!!  สนุกดี หนื่อยแต่ล้าเพราะจานหรืองานล้างถังน้ำมันมันเยอะกว่าจะที่บรรยาย ^^ สี่ทุ่มครึ่งเสร็จแล้วววว  ขอเก็บไก่กลับ บ้านไว้กินพรุ่งนี้เช้า และรอกลับบ้านพร้อมกัน โดยมีหัวหน้างานมาส่งที่อพาร์ทเมนต์ กลับหอ อาบน้ำ เข้าเนตนิดหน่อย เพื่อจะได้ไม่ขาดการติดต่อการทางบ้านและเพื่อนๆ นอน Zzzz 

3/20/2011

แม่น้ำ Missouri และลุงจอห์นผู้ใจดี

            เมื่อวานเป็นวันที่สองของการทำงาน ผมตื่นแต่เช้าตามเคย วันนี้กะไปที่สนามบินเพื่อไปดูกระเป๋าที่ลืมเอาไว้ เล่นเนต อาบน้ำ กินไก่ทอดที่เอามาจาก KFC ชิ้นเล็กสองชิ้น ขนมปังสามชิ้น ส้มสามลูก มันก็ทำให้ผมอิ่มในระดับหนึ่ง แต่ความหิวก็ยังคงมีอยู่เบาบาง ด้วยความที่ไม่รู้ว่าสนามบินจะไปทางไหน ต่อรถสายไหน ผมจึงตัดสินใจว่าจะเข้าไปถามทางที่ร้าน Free soup ซึ้งเป็นร้านอาหารกินฟรีของศาสนาคริส ผมและน้องๆคนไทยสองกัน เรียกมันว่า โรงทานฝรั่ง ผมตัดสินใจเดินไปที่ร้าน Free Soup เพื่อที่จพถามทางซึ่งห่างจากอพาร์ตเมนต์ของผมประมาณ สามร้อยเมตร ผมเดินไปท่านกลางอากาศที่หนาวเย็น ผ่านบ้านเรือนสไตล์ตะวันตก ซึ่งทุกหลังจะเรียงกันเป็นระเบียบและมีกองหิมะสีขาวอยู่หน้าบ้านบ้างหลังคาบ้านบ้าง ผมยืนอยู่ที่หน้าร้าน Free soup ในใจคิดเตรียมประโยคสนทนาและเตรียมใจ นิ่งสักพักก่อนที่มือขวาจะเอื้อมออกไปจับลูกบิดประตู แคล๊ก!! เสียงบิดประตู  ประตูล๊อค! ผมหันดูป้ายหน้าร้านอีกที ร้านจะเปิดให้บริการ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ผมเดินหง่อยกลับไปที่หอพักแล้วลองเปิดแผนที่ตารางรถเมย์ไปสนามบิน แต่ก็ไม่เจอ ผมเดินกลับมาผ่านหน้าอพาร์ตเมนต์ เดินเลยไปที่ป้ายรถเมย์ ผมยืนรอรถเมย์อยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่มีวี่แววของรถเมย์จะออกมา ผมมอฝแผนที่แล้ว ที่ที่ผมยืนอยู่ตอนนี้ ใกล้กลับแม่น้ำ Missouri นี่นา แม่น้ำ Missouri เป็นแม่น้ำสายใหหญ่ที่ไหลผ่านและกั้นระหว่างเมือง Bismarck และ Madan เอาไว้ มีสะพานเชื่อมแต่น้ำหลายหลัง ผมเลยลองตัดสินใจเดินตามถนนไปยังแม่น้ำลองดู ปรากฎว่า แม่น้ำอยู่ใกล้ นิดเดี่ยว ภาพแรกที่เห็นสะพานข้ามแม่น้ำหลังใหญ่ที่เชื่อมระหว่างสองเมืองเข้ากัน ความกว้างของแมน้ากำหนดความยาวของสะพายที่ทอดไปในแนวขาวงแม่น้ำนั้นยาวไปด้วย สะพานข้ามแมน้ำ หลักที่เห็นจะมี สามถึงสี่หลังห่างกันพอประมาณ แต่ที่ผมตื่นตามากที่สุดไม่ใช่สะพาน แม่เป็นลำน้า Missouri ต่างห่าง สายน้ำเปลี่ยนจากของเหลวกลายเป็นแม่น้ำแข็งที่ขาวโพลนไปหมด ธารน้ำแข็งสื่อบอกถึงที่นี่เพิ่งผ่านฤดูหนาวที่หนายเหน็บมาหมาดๆ ถึงแม้หิมะไม่ตกแล้ว แสงแดดส่องถึงที่นี่แล้ว แต่กองหิมะและธารน้ำแข็งของแม่น้ำนั้นบกบอกว่า  ที่นี่ได้ผ่านแบบทดสอบของธรรมชาติอันหนาวเหน็บมา ภายในธารน้ำแข็งก็ยังมีชิวิตอีกหลายชีวิตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ คือเข้า เป็ดน้ำ ผมควรจะเรียกว่า เป็ดน้ำแข็งจะดูเหมาะสมกว่า ยบ้างยืน บ้างเดินเป็นคู่ส่งเสียงร้องอยู่บนธารน้ำแข็งของแม่น้ำ ผมยืนมองภาพที่เห็นข้างหน้า เก็บความประทับใจเอาไว้ สายตาเปลี่ยนกลับมาจ้องมองท้องฟ้า นกกระสาบินเรียกกันอย่างเป็นระเบียบในแนวหัวลูกศร โดยมีผู้นำอยู่หน้าสุด เพื่อที่จะเป็นการผ่อนแรก ตามการไหลของโมเลกุลของอากาศเหมือนดังที่ผมเคยอ่านและเคยดูในรายการสารคดีทางโทรทัศน์ ผมยืนเก็บความประทับใจสักพักและเดินสำรวจดูบ้านรอบๆริมแม่น้ำ บ้านทุกหลังเป็นบ้านหลังเล็กสไตล์ตะวันตกดูเป็นระเบียบและสวยงามมาก ผมตัดสินใจเดินกลับหอโดยเดินเรียบฝั่งแมาน้ำ Missouri กลับมาปรากฏว่า สวนสาธารณะหลังบ้านผม ติดกับแม่น้ำ Missouri สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ไร้ใบ หิมะขาวโพลน และนดตัวอ้อนกับกระรองขนปุยตัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ในสวนสาธารณะ และมีฝรั่งสองสามคนออกมาวิ่งออกกำลังกาย ผมเดินกลับมาที่ห้อง นั่งสักพักก่อนจะถึงเวลาไปทำงาน  ผมกะจะออกไปทำานก่อนเวลานานๆเพราะจะได้มีเวลาเดินล่นระแวงนั้น  ผมกลับมายืนอยู่ที่ป้ายรถเมย์ที่เดิม ผมรอได้สักพัก ก็มีคนลุงฝรั่งคนหนึ่งขับรถออกมาจากบ้ายที่อยู่หัวมุมถนนติดกับซอยที่ผมยืนรอรถเมย์ คุณลุงจอดรถใกล้ผม แล้วออกมาถามว่า จะไปไหน เห็นยืนรอรถตั้งนานมากแล้ว ผมบอกกลับไปด้วยภาษาอังกฤษแบบพื้นฐาน ผมกางแผนที่ที่มีอยู่ในมือให้ลุงดู ลงบอกว่า เดี่ยวลุงจะไปส่ง ผมขอบคุณและรีบเข้าไปในรถของลุงทันที พเข้าไปผมรีบแนะนำตัวว่าผมเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร ให้คุณลุงหายสงสัย ก่อน คุณลุงบอกว่าเห็นผมยืนรอรถเมย์มานานมากแล้ว เลยอาสาพาไปส่ง ผมบอกขอบคุณคุณลุงจากใจจริงๆ คนอเมริกันใจดีมากทีเดียว คุณลุงชวนคุณสัพเพเหระ ผมรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง คุณลุงชื่ออะไรครับ จอห์น ผมบอกว่าผมชื่ออุ๋ยครับ ก่อนที่ลุงจะยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากพวกมาลับ มาจับมือตามธรรมเนียมของที่นี่  ผมขอบคุณคุณลุงอีกครั้งกอ่นที่รถจะมาถึงที่หมาย ผมบอกลุงว่า อพาร์ตเมตน์ของผมอยู่ใกล้บ้านคุณลุงนี่เองครับ ถ้าผมโชคดีผมคงได้เจอคุณลุงอีกครั้ง คุณลุงบอกว่า ภรรยาของเขาก็อยากพบผมเหมือนกัน สงสัยคุณลุงจอห์นและภรรยาคงจะยืนมองผมออกมาจากหน้าต่างบ้างว่า ไอ้หนุ่มเอเชียคนนี้มายืนทำอะไรและห็นเดินไปเดินมาแถวนี้บ่อยๆซึ่งที่นี่ไม่ค่อยมีใครเดินตามถนนเท่าไหร่เพราะด้วยอากาศที่หนาวเย็น ผมบอกขอบคุณก่อนที่จะออกมาจากรถและคุณลุงขับผ่านไป ผมมาถึงที่หมายก่อนเวลาทำงานสามชั่วโมง ผมเดินเล่นในห้างแถวนั้น สักพักเห็นน้อง วิน น้องคนไทยที่ทำงานที่เดียวกันนั่งเล่นอยู่เพื่อรอทำงานอีกทีตอนห้าโมงเย็นพร้อมผม เพราะวันนี้น้องมีงานสองกะ ผมเดินเล่นไปดูของในห้างกับน้องก่อนที่จะเดินไปทำงาน งานวันที่สองเริมเข้าใจมากขึ้น งานที่หลังร้าน ทอดไก่ ล้างจาน ถูพื้น เพื่อนที่ทำงานที่นี่ ทำงานกันจริงจังและรอดเร็วมาก โรเบิร์ต หนุ่มฝรั่งร่างท้วมนิดหน่อยแต่กำยำ อายุ 21 ปี เป็นพาร์ทเนอร์สอนงานผมตั้งแต่วันแรก วัยรุ่นอเมริกันทำงานหาเงินเอง ที่ร้านก็มีหลายคนและเวลาทำงานเขาจะไม่เกี่ยงกัน ทำงานทุกอย่างเพื่อที่จะให้งานออกมารวดเร็วพร้อมจะสองเพื่อนร่วมงานอย่างผมอย่างเต็มใจ ผมสื่อสารกับโรเบิร์ตไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ในวันแรก วันนี้วันที่สองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ผมเริ่มเข้าใจในงานของตัวเองมากขึ้น เสร็จงาน วันนี้เร็วขึ้นห้าสี่ทุ่มครึ่ง ผมกลับล้านพร้อมวิน โรเบิร์ต และ คุณจอห์นหัวหน้าที่ร้านขับรถมาส่ง ก่อนที่จะแยกย้ายเข้าห้อง ราตรีสวัสดิ์

3/19/2011

เริ่มงานวันแรก

         พอมาถึงอพาตเมนต์ คุณเริ่มงานได้วันได้วันพรุ่งนี้คะ ไดแอนกล่าวด้วยวาจาที่ผม -0- วันพรุ่งนี้เลยตอนห้าโมงเย็น งั้นผมขอตัวเข้านอนเลยหละกัน ตื่นมาหกโมงเช้า อาบน้ำ แต่งตัวเสื้อกันหนาวตัวหนา ไม่ได้ไปทำงานนะครับเพราะงานเริ่ม ห้าโมงเย็น งั้นผมขอเดินเล่นสำรวจเมืองแทบใกล้ๆซะหน่อย พอเปิดประตูออกจากอพาร์ตเมนต์เท่านั้นความหนาวเย็นก็เริ่มมาเยือนกันที เนื่องจากไม่มีถุงมือ และหมวก ทำให้ผมหนาวหูมาก เลยเอามือซุกที่กระเป๋ากางเสื้อกันหนาวและสวมหมวกจากเสื้อโค๊ดกันไว้ก่อน พอเดินไปหลังอพาตเมต์ผมได้ค้นพบว่า ข้างหลังอพาตเมนต์เป็นสวนสาธารณะที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะและต้นไม้ที่ไม่มีใบเพราะเข้าสู่ฤดูใบไม่ผลิของที่นี่แล้ว พอผมเดินเข้าไปที่นั่นซักพัก ความหนาวทำให้หูผมเริ่มแสบ ผมเอากล้องถ่ายรูปจากมือถือมาถ่าย แต่ผมไม่ได้เอาสาย USB มาด้วยครับ ผมเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้สักพักกระรอกตัวน้องวิ่งไต๋ต้นไม้ และบางตัวมันก็หยุดมองผมไกลๆ พอผมเดินเข้าไปใกล้มันก็วิ่งขึ้นต้นไม้หายไป นกตัวอ้วนน้อยใช้โพลงต้นไม้เป็นรังกอ่นที่จะบินจากไปเมื่อผมลองเดินผ่านบ้านของมัน อากาศสดชื่นเย็นจมูก ความหนาวเย็นและเริ่มกลายเป็นความแสบ ผมขอตัวออกมาจากสวนหิมะแห่งนี้ดีกว่า จากนั้นผมขอตัวเดินต่อไปในตัวเมืองตามถนนเว้น highway street ระหว่างทางบ้านแต่หลังหลังที่นี่เรียงกันเป็นระเบียบมาก ลักษณะเป็นบ้านหลักเล็กไสตล์ตะวันตก มีกองหิมะหน้าบ้าน บางหลังยังมีกองหิมะค้างอยู่ที่หลังคาอยู่เลย ผมเดินผ่านสวนสาธารณะอีกแห่นที่เมืองนี้มีสวนสาธารณะเยอะเหมือนกันแฮะ Bismarck ถ้าจะเปรียบแล้วก็เป็นหมือนอำเภอเมืองของจังหวัดไกลๆของประเทศไทย มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆสองที่ มีมหาวิยาลัยที่หลักสูตรสี่ปีหนึ่งมหาวิทยาลัยและมหาลัยเทคโนโลยีแล้วสี่แห่ง แต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวหมาวิทยาลัยนี้เลย ผมเดินไปเที่ยวสำรวจในแถบระแวกใกล้ๆ แล้วก็เดินกลับอพาตเมนต์ประมาณสิบโมง แวะเข้ามาเล่นเนตที่ห้องสักพัก พี่อุ๋ยที่นี่มีร้ายอาหารฟรีคล้ายกับโรงเจของศาสนาคริสนะครับพวกผมไปกินทุกวันไปด้วยกันไหมครับ ผมใยกล้าปฏิเสธอาหารฟรีเล่า ไปครับ เดินจาห้องได้สักพักก็ถึงแล้ว  ภายในร้านมีแต่ฝรั่รุ่นราวคราวตาและยายเลยครับผม มีโต๊ะนั้งหกเจ็ดตัวคล้ายกับร้านอาหารเลยครับ มีคุณตานั่งเล่นโฟกซองบรรเลงเนื้อเพลงเกี่ยวกับความรักของพระเยซูล้วนๆ ที่บ้านผมแนวนี้เรียกเพื่อชีวิตนะครับคุณตา :) คุณตาคุณยายฝรั่งนั่นโต๊ะสนทนากัน บางคนก็เพิ่งเดินเข้ามาทานอาหารฟรี โดยมีคุณลงคนหนึ่งคอยเป็นคนเสริฟอาหาร ตักซุป มีผลไม้คือส้มฟรี น้ำเปล่าและเบียร์ฟรีที่นี่เขาจะดื่มเบียร์แบบสุภาพคือกินเล็กน้อยซักแก้วหลังอาหารครับ แต่ถ้าร้านนี้มาเปิดที่บ้านผมหละก็รับรองเบียร์หมดป็นถังแน่เลย ผมนั่งทานซุป แซนวิส และปิดท้ายด้วย บิสกิส กับน้องสามคน ก็มีคุณตาฝรั่งเข้ามาทักเข้ามาคุย วิน ป็นคนเดียวที่ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องครับ แล้ววันหลังผมไปกินคนเดียวไม่รู้จะเป็นไงบ้างน๊า จะรอดไหมน้ออุ๋ย พอกินอาหารเสร็จ ก็เดินกลับห้อง เปลี่ยนรองเท้า เสื้อผ้า เตรียมตัวไปทำงานกัน มาบืนรอรถเมย์ที่ถนนเส้นหนึ่ง คนที่นี่เวลาใครเดินผ่านหรือสบตาเขาจะรีบทักกันทันทีซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ดีมาก ทันทีไปถึงที่ทำงาน ก็เริ่มเลยทันที ทักอย่างรวดเร็วมาก ผมมึมไปหมด การทอดไก่ การวางไก่แต่ละแบบ รวมไปถึงการล้างจาน ที่มโหราฬมาก ฝรั่งเขาทำงานกันจริงจังทีเดียวพอรู้สึกตัวอีกที ห้าทุ่มแล้ว ใช้งานคุ้ม แต่ก็สนุกอีกแบบ แต่ปัญหาคือ ภาษาอังกฤษผมแย่มากฟังคำสั่งสื่อสารกันลำบากมากเลยทีเดียว และการวางไก่ ถาดทอดไก่หลายแบบ โอว! ค่อยๆเรียนรู็ไปนะอุ๋ย กลับถึงห้อง อาบน้ำ เข้านอนทันที Zzz :D

ถึงแล้ว Bismarck

            ในที่สุดก็เดินทางมาถึง Bismarck จนได้ จากการเดินทางที่ใช้เวลาทั้งวัน จากเชียงใหม่ - สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินอินชอน (เกาหลี) - สนามบินเมือง Seattle (USA) - สนามบินเมือง  Minesapolis และต่อด้วย สนามบินเมือง Bismarck พอมาถึงสนามบินเวลาสี่ทุ่มของที่นี่ก็มีคุณ Diane และ คุณ Jhon หัวหน้างานมารับท่าทางใจดีมาก อากาศที่สัมผัสเมื่อเดินออกมาจากสนามบินคือ ความเย็น จากสนามบินถึงอพาต์เมนต์ใช้เวลาไม่นาน ระหว่างทางจากสนามบินมาถึงที่พักไดแอนและจอห์นแนะนำสถานที่ต่างๆที่ขับรถผ่านและขับไปแวะที่ supermarket ให้ผมดูและแนะนำว่า เมืองนี๊ค่อยข้างปลอดภัยสามารถเดินเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืนได้สบายแต่อากาษจะหนาวนะ จอห์นและไดแอนก็พามาถึงที่พัก ซึ่งมีน้องคนไทยสองคน คนหนึ่งเรียนวิศะที่ พระจอมเกล้าบางมด ปีสอง และอีกคนเรียนนิติศาสตร์ที ม.เอแบค ปีสอง ซึ่งมาอยู่ก่อนหน้าได้ไม่กี่วันมาเปิดประตูให้ ไดแอนให้กุญแจห้อง แนะนำห้องพักให้  ห้องพักที่นี่พอดูข้างหน้าห้องก็คงไม่ต่างจากห้อพักทั่วๆไปที่เห็นในบ้านเรา แต่พอเปิดประตู ภายในจะเป็นห้องโถงอุ่นมาก มีทีวี โซฟาสำหรับดูทีวี อีกฝัง เป็นโต๊ะกินข้าว มีตู้เย็น เตาแก๊ส เครื่องปิ้งขนมปัง และก็อ่างล้างจาน พอเดินเข้าไปด้านใน มีห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องนอนสองห้อง ซึ่งน้องสองคนอยู่ด้วยกัน และอีห้องหนึ่งเป็นของผม ภายในห้องนอน ปูด้วยพรมสีเทา ทั่วทั้งห้องจะปูด้วยพรมสีเทาหนารวมถึงห้องนอนผมด้วย เพราะที่นี่อากาศหนาวเย็นและจะหนาวเย็นมากที่สุดในหน้าหนาว เลยต้องมีพรมสำหรับความอบอุ่นของเท้าภายในห้องนอนมีตู้ ตอนแรกนึกว่ามีห้องอะไรอีกพอเปิดประตูเข้าไปเป็นตู้เก็บเสื้อผ้า ออกแบบมาให้ประหยัดพื้นที่ของห้องมีประตูสองบาน เลื่อนเปิดคล้ายกับประตูไม้แบบจีนสมัยก่อน นอกจากนั่นยังมีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกบานใหญ่ ซึ่งผมใช้มันสำหรับวางโน๊ตบุ๊คและหนังสือ เตียงนอนที่มีฟูกสองชั้นนุ่นมาก และอีกมุมหนึ่งเป็นโต๊ะโคมไฟไสตล์ยุโรปอันหนึ่งตั้นตระง่านอยู่ ผมก็ยังงงๆว่าทำไมโคมไฟไม่มีสวิท เลยลองเอามือไปสัมผัสดู ปรากฏว่ามีไฟขึ้นมา และลองสัมผัสดูอีกครั้งมีแสงไฟสว่างมากขึ้น พอสัมผัสอีกครั้งไฟก็ดับไป อ้าว! ผมชอบจังโคมไฟอันนี้ จัดการเอาของจากกระเป๋าใส่ตู้เสื้อผ้า ปูที่นอน เรียบร้อยแล้วพบว่า ผมลืมประเป๋าอักเล็กที่สนามบินซึ่งบรรจุ ถุงมือ หมวกและผ้าพันคอไว้ สาเหตุของการที่ลืมเพราะผมมีกระเป๋าพายสะอันใหญ่เดียวแต่สาเหตุแยกเป็นชิ้นส่วนออกเป็นสามแบบ ซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้แตกต่างกัน ผมไม่ทราบมาก่อนว่าที่สนามบินจะแยกกระเป๋าส่วนหนึ่งผมออกไป พอไดแอนและจอห์นมารับผมก็ตามไปขึ้นรถทันที แต่ว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้กะไปติดต่อที่สนามบินดูอีกที อาบน้ำ โหว! ห้องน้ำที่นี่ไม่มีหัดฉีกก้น น้องครับ!! แล้วเราจะใช้ยังไง คำตอบที่ได้ก็คือ พี่ครับล้างในก๊อกข้างล่างครับ พร้อมกับอาบน้ำไปเลยครับพี่ -0- เพราะที่นี่เขาจะใช้ กระดาษชำระอย่างเดี่ยวคงเพราะมันหนาวมั้ง วาวน้ำในอ่างล้างหน้า หรือไม่ว่าจะเป็นวาวเปิดฝักบัวทุกอันจะมีสองวาว วาวน้ำร้อน กับวาวน้ำเย็นมาก เราต้องเปิดผสมกันเอาเองจนได้น้ำอุ่นในระดับที่เราพอใจ ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็ขอตัวลงนอนเลย..  ZZzz

3/17/2011

สนามบินเชียงใหม่ - สนามบิน อินชอน ประเทศเกาหลี

         วีซ่า!!  เมื่อไหร่สถานทูตจะส่งมาที่ไปรษณีย์ซักที  ผมได้แต่รอวีซ่าที่ได้แต่ลุ้นว่าต้อง มาทันวันที่ 16 ก่อนสี่โมง  แต่ทำยังผมต้องจองตั๋วไปกรุงเทพรอบห้าโมงครึ่ง หากไม่ทันรอบนี้เที่ยวบินมีอีกทีสองทุ่มกว่า ซึ่งถึงสุวรรณภูมิประมาณสี่ทุ่ม  ผมคงเตรียมการอะไรไม่ทัน เลยตัดสินใจซื้อตั๋วบินไปสุวรรณภูมิรอบห้าโมงครึ่ง โดยที่ไม่แน่ใจว่า วีซ่ามันจะมาไหมวันนี้  เพราะทางคลิกแอดดูเคชั่นได้จองตั๋ววันที่ สิบเจ็ดตอนเที่ยงคืนให้ ผมลองโทไปถามที่ไปรษณีย์ตั้งแต่เช้าว่า วีซ่ามารึยัง  คำตอบที่ได้คือ ยังไม่มาเลยครับ เดี่ยวอีกชั่วโมงโทรมาใหม่นะครับ  คำตอบเช่นนี้สามรอบทำให้ผมเริ่มกังลวเล็กๆว่า กูจะได้ไปไหมเนี๊ยยย!!
และรอยสุดท้ายสี่โมงลองโทรไป  คำตอบคือ  มาแล้วครับ   ต้า แคท และหลิว บึ่งรถไปไปรษณีย์แม่ปิงทันที  รถติ๊ดด โอว!  ถึงไปรษณีย์ปาเข้าไปสี่โมงแก่ๆมากๆ จอดรถที่ไปรษณีย์วิ่งง อุ๋ย! เสร็จแล้วต้าพาบินนรถไปสนามบินเชียงใหม่ ทันที ถึงห้าโมงเกือบครึ่ง ขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้ายยย!!!  โดนพี่แอร์แอบว่าเบาๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ถึงสนามบินสุวรรณภูมิจนได้ เห๊อ!! ^^" พอถึงสนามบิน เช็คอินตั๋วไปยังสนามบินอินชอนทันที ไปแลกเงิน US ดอลล่า เรียบร้อย  เพื่อนปุ๊ก กะเจ๋ง บอล พี่อะตอม แวะมาส่งซักเล็กน้อยก่อนแยากย้าย ไปกินข้าวเย็นฟรีจากพี่รหัสอะตอม เยี่ยมไปเลยย! วันนี้ผมกินข้าวฟรีมาทั้งวัน เมื่อเช้าร้านอาหารมังสวิรัสป้าบูรณ์ที่ผมไปกินประจำ เมื่อป้ารู้ว่าผมจะเดินทางวันนี้ ป้าไมมีอะไรให้นอกจากคำอวยพร และอาหารฟรี ขอบคุณป้าบูรณ์และพี่อะตอมมากนะครับ พอแยกจากพี่อะตอม พี่สาวกะแฟนหนุ่มก็แวะมาหา ล่ำลากันสักพัก ก่อนที่ผมจะแยกย้ายไปทำภาระกิจต่าง ผ่าน ตม. ตรวจข้าวของเรียบร้อยแล้วก็เดินมารอ ที่ ประตูขาออก ขณะนั่งรอ ก็มีป้าคนหนึ่งเข้ามาเาคุยกะผม ป้าเป็นผู้หญิงที่ใจดีมาก คุยเรื่องต่างๆ นานา ป้าเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ที่อเมริกา ชื่อว่า Thai Basil ที่รัฐ VA ป้าให้นามบัตรผมมา บอกว่าถ้ามีโอกาศมาแวะร้านป้านะ ถ้าหากผมมาทำงานที่รัฐเดี่ยวกันจะรับเข้าเป็นพนักงานเลย  วันนี้ผมเจอคนใจดีทั้งวัน โอเค! เที่ยวคืนแล้ว เครื่องบินจะออกเดินทางผู้โดนสารขึ้นเครื่อง ผมได้ที่นั่ง 47A ติดหน้าต่าง และมีคนไทยที่นั่นข้างผมอีกสองคนเป็นแฟนกันทำงานที่อเมริกา ทั้งสองคนใจดีมาก สอนวิธีเปิดหน้าจอ วิธีเล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง จาก จอข้างห้าเบาะ ว๊าว!! ไฮโซอิหลี  ในทันทีที่เครื่องบินกำลังจะวิ่งบนรัวเวย์  ใจผมมันบอกว่า  เวลาของผมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วว เครื่องบินเริ่งความเร็ว ขึ้นเรื่อยๆ จนใจที่สุดก็บินพ้นแผ่นดินประเทศไทย ขึ้นสู่อากาศ ผมขอมอง แผ่นดินไทยจนสุด จนกว่าจะมองไม่เห็นอีกก  พอแผนภาพประเทศแผ่นดินเกิดของผมลับสายตาไป  ผมก็หันหน้าเข้ามาที่เจ้าจอ LCD ทัชกรีน บนหน้า (สายการบิน Korean airline ทุกที่นั่งจะมีจอ LCD ทัชสกรีน และหูฟังแจกทุกที่นั่ง) ผมคุยกะพี่สองคนซักเล็กน้อยถึงเป้าหมายการเดินทางคนพี่สองคน จากนั่นก็ขอเวลาเป็นส่วนตัว ดูภาพยนต์ตัวอย่างหลายเรื่อง เปิดเพลงฟังชิวๆ ^^ สายหาก็หันมองออกนอกหน้าต่างเครื่องบิน ภาพที่เห็นช่างสวยงาม และน่าประทับใจมาก  ภาพของดวงจันทร์กำลังเปล่งแสงสีเหลืองนวลกระทบกับยอดปุยเมฆ ซึ่งไกลสุดลูกหูลูกตา ราวกับทะเลปุยเมฆที่ประทบแสงจันทร์ ฟังเพลง โอววว ผมประทับใจจริงครับ ไม่เคยมองเห็นดวงจันทร์ใกล้ขนาดนี้มาก่อน  จนผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้  ตอนมาอีกที แสงจันทร์ที่เห็นเปลี่ยนเป็นแสงอาทิตย์ ทำหน้าที่แทน ทำให้มองเห็น ทะเลเมฆที่ชัดขึ้น แอร์ฮอสเตต แสนสวย แจกอาหารเช้า ผมขอเป็น ข้าวต้มสาหร่าย มีผลไม้สามชิน น้ำเป่า และขิงดองมั้งไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ข้าวต้มอร่อยมากครับ ผมกินไปหมดกล่องเลย พอกินเสร็จลองมองออกไปนอกหน้าต่างซักนิดหน่อย  ภาพที่มีแต่ทะเลเมฆ เริ่มค่อยจางหายไป เปลี่ยนเป็นภาพ พื้นดิน รายกับผมกางแผนที่ประเทศเกาหลีสามมิติเลย ภาพที่เป็นไกลๆๆ เริ่มชัดขึ้น จรกระทั่งเห็นบ้านคน รถวิ่ง เมื่อ กัปตันบอกว่า อีกสี่สิบนาที เครื่องบอนจะลงจอกที่ สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลี ขณะนี้ อุณหภูมิที่ภาคพื้นเกาหลี ติดลบ 1 องศาเซลเซียส โหว! พอเครื่องบินลงจอนเทียบท่า ผู้โดนสารก็เดินลงมาจากเครื่องบิน เข้าสู่ที่ตรวจหนังสือเดินทาง สัมภาระต่างๆ และสำหรับผู้โดนสารที่รอเปลี่ยนเครื่องอย่างผม มาดู gate ที่รอจะเปลี่ยนเครื่องบนจอมอนิเตอร์ยักค์เรียบร้อย  17.50 น. โหว  ก่อนหน้าที่จะลงจากเครื่องพี่สองคนแนะนำให้ผมลองไปหาทัวร์สำหรับผู้โดยสารที่จะเปลี่ยนเครื่องเพื่อไปเที่ยวในตัวกรุงโซว ใกล้ๆ ครึ่งวัน แต่ผมขอยังไม่ดีกว่าเพราะเป็นการเดินทางครั้งแรก กลัวหลงและกลัวกลับมาไม่ทันเวลา    ตอนที่ที่เกาหลี เวลา 10.55 น. ที่ประเทศไทยคงเวลา 8.43 น. อีกเจ็ดชั่วโมงผมจะทำอะไรดีเว้ ดีที่ผมเอาโน๊ตบุคมาด้วยเลยเดินมารอที่ Gate 24 ซึ่งเป็นที่ที่ผมจะต้องรอเปลี่ยนเครื่อง สนามบินที่นี่มี อินเตอร์เนต free wifi  โชคดีหน่อย ผมก็เลยมานั่งเล่นอินเตอร์เนตที่นี่ แต่ก็ยังไม่ได้ออกไปนองตัวอาคารสัมผัสกับอุณหภูมิลบหนึ่งองศาของเกาหลีเลย เพราะใจตัวอาคารคงมีฮีตเตอร์ ผมรู้สึกเย็นสนเนตบายดี  ไงไว้หลังจากเล่นเนตเบื่อแล้วค่อยออกไปข้างนอกสำรวจสนามบินอินชอน ที่ได้รับรางวัลสนามบินที่ดีเด่นติดอันดับโลกลองดู  

3/12/2011

ลองหัดเดินเที่ยว

  ผมไม่รู้ว่าจะเขียนบล๊อคออกมาแนวไหน  จะใช้ภาษาเขียนยังไงให้มันดูสละสลวย แต่มันเป็นบล๊อคผมไม่ใช่หรอ เราทำมันขึ้นมาเพื่อฝากบอกความคิด ความรู้สึกของผมให้พ่อแม่ เพื่อนเรานี่น่า  เขียนออกมาจากความรู้สึกและความคิดท่าจะดีกว่า วันนี้ผมลองออกไปหัดเดินเที่ยวยามเย็นคนเดียวลองดู  เห็นฝรั่ง ชาวต่างชาติ แม้กระทั้งผู้หญิงฝรั่งเขากล้าที่จะเดินเที่ยวตอนเย็นในบ้านเราคนเดียว เราต้องลองดู เริ่มเดินจากหอเดินตามถนนเส้นคณะเป้าหมายคือ ศาลช้างหน้ามอ ไปไหว้เผื่อเป็นศิริมงคลกับตัวเองในฐานะที่ผมก็เรียนเพิ่งจบจาก ม.เชียงใหม่มาหมาดๆ  เริ่มเดินตอนตอน 18.40 น. ผ่านแยกโรงพยาบาลประสาท ตามเส้นหลังมอ เข้าประตูหลังมอ แล้วเดินเรื่อยๆมาจนถึงศาลาธรรมวันนี้มีงานด้วยแฮะ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจัดงานอะไรกัน ถึงแล้วเป้าหมายแรก ศาลช้างหน้ามอ เข้าไปศักการะท่านแล้วเดินต่อไปผ่านประตูหน้ามอชอ แล้วก็เดินตามถนนหน้ามอ ผ่านสี่แยกรินคำ เดินตามคู่เมืองมาจนถึงประตูช้างเผือก จากนั้นเดินเข้าไปในฝั่งคูเมือง ไปไหว้ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และวัดสะดือเมือง เพราะผมรักเชียงใหม่ ก็ควรมาสัการะผู้ที่ก่อตั้งจังหวัดเชียงใหม่และวัดใจกลางเมืองเชียงใหม่ขอพร แล้วก็ออกเดินต่อตามซอยต่างๆจนมาโผล่ที่ประตูท่าแพ เดินเรียบเลาะริมคูเมืองมาเรื่อยจนถึงประตูเชียงใหม่ แวะเข้าไปฝั่งคูเมืองผ่านวัดเจดีย์หลวงแล้วผ่านวัดพระสิงค์แล้วก็มาทะลุที่ประตูสวนดอกรู้สึกเริ่มปวดฝ่าเท้า เดินข้ามคูเมืองเข้ามาที่คณะเทคนิคการแพทย์เดินมาเรื่อยๆ ทะลุถนนซอบหอคณะและผมก็เดินกลับหอ ดูเวลา สี่ทุ่มครึ่ง พอดี  การลองเดินครั้งนี้ผมอยากเก็บความรู้สึกเอาไว้ ว่าตอนนี้ผมเดินอยู่ที่เชียงใหม่ มองเห็นป้ายต่างๆริมข้างทางเป็นภาษาที่เราคุ้นเคย คนที่เดินผ่าน นั่งกินอาหารในร้านอาหารหน้าตาเชื้อชาติเดียวกันกับเรา ผมต้องลองเดินที่บ้านเราก่อนเป็นการฝึกหัด การเดินทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ระหว่างทางชัดมากขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากกว่า  เสียดายที่ครั้งนี้ผมยังไม่มีกล้องถายรูป  ต่อไปถ้ามีคงสนุกน่าดู