Let's Love everything in this planet

6/14/2011

จดหมายถึง อุ๋ย ฉบับที่หนึ่ง (1) จาก Mr.Oui

ถึงอุ๋ยที่รักอย่างยิ่ง :)

                  จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายฉบับแรกที่ Mr.Oui เขียนถึง อุ๋ย :) ก่อนอื่นผมต้องขอโทษอุ๋ยด้วยนะครับที่ไม่ได้เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ สองอาทิตย์ก่อน สองอาทิตย์ที่หายไปไม่ใช่ว่าไม่ได้มีเรื่องราวอะไรตื่นเต้นนะครับ สองอาทิตย์ที่หายไปเกิดเรื่องราวมากมายหลายอย่าง จน Mr.Oui ขอ Day off สักหน่อย เรื่องราวเมื่อสองอาทิตย์ก่อนจะเป็นยังไงนั้นไว้เล่าในตอนหน้า ตอนนี้ ณ วันนี้ อุ๋ยเหงานิดหน่อย เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาที่นี่มีความรู้สึกเหงาๆ อาจจะเป็นเพราะ เมื่อสองวันก่อน น้องวิน น้องคนไทยที่มาเวิร์กแอนทราเวลด้วยกันนั้นกลับประเทศไทยเนื่องจากหมดสัญญา จ้างงานแล้ว ใจหายเหมือนกัน ก็ไอ้ตอนที่เห็นน้องแพกกระเป๋า เก็บของ จนกระทั้งต้องลากกระเป๋าไปส่งน้องขึ้นรถของ ลุค ที่เป็นคนอาสาพาวินไปส่งที่สถานีรถทัวร์เพื่อที่จะขึ้นรถทัวรืจาก Bismarck ไปอีกเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบิน ภาพที่คิดตอนนั้น คือ เห็นตัวองนั่งอยู่บนเครื่องบินขากลับ แล้วลองจินตนาการว่าเมื่อเราถึงประเทศไทยแล้ว ความรู้สึกจะเป็นยังไงน๊า ร่ำลาน้อง เดินกลับเข้ามาที่ห้อง ว่างไปเยอะเลย ไม่ค่อยคุ้นแฮะ ต่อจากนี้เราต้องอยู่ที่นี่ ไม่ได้มีโอกาสพูดภาษาไทยอีกเป็นเดือน หลังจากที่วินกลับไปแล้ว หลังจากนี้ การไปที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน ก็สนุกสนานหยอกล้อกันเหมือนเคย แต่อุ๋ยกลับมีความรู้สึกเหงาๆจ่อยๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนก่อนแฮะ จนเพื่อนร่วมงานล้อว่า เย้ วันนี้เห็นอุ๋ยยิ้มแล้วหนึ่งครั้ง :) สองวันแล้วที่อุ๋ยยังคงหงอยเหงา (ไม่ได้ซึมเศร้าขนาดนั้นนะครับ)  แต่กลับได้รบความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานที่นี่มากขึ้น ไม่ได้แล้ว หงอยสอวันพอ เพราะเราหงอยเพื่อนร่วมงานคนที่อยู่รอบข้างเขาสัมผัสและพลอยไม่สนุกไปด้วย แล้ว :) .......................

                                                                ด้วยรักและเคารพ
                                                                นาย Mr.Oui Suwannatrai :)

ปล.  เฮ้ๆๆ และเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเป็นไงบ้างละ เล่าแสะ 

5/19/2011

New roommate (Chinese girls)

             วันนี้มีนักศึกษาจีนสองคนเพิ่งมาถึง คนหนึ่งเรียนเกียวกับภาษาอังกฤษ อีกคนเรียนเกี่ยวกับภาษาจีน น่ารักซะด้วยแฮะ :D เมื่อวานเราต้องแบ่งห้องนอนห้องหนึ่งให้เพื่อนใหม่ วินย้ายจากห้องเดิมมานอนห้องผม แต่เตียงไม่พอ วินต้องปูผ้านอนกับพื้น ขณะที่ผมเลื่อนเตียงตัวเดิมมาชิดผนังทำให้ห้องนอนมีพื้นที่มากขึ้น  วันพรุ่งนี้ผมวางแผนว่าจะไปซื้อกล้องตัวใหม่ คิดถึงบ้าน เมื่องนี้น่าอยู่จัง..... แค่นี้ครับ

5/15/2011

คุณมาร์คชวนไปดูหนัง Soul surfer

        วันนี้ถึงผมจะไปสายและถึงแม้ไดแอน หัวหน้างานไม่ได้ว่ากล่าวผมอะไร แต่ผมรู้ตัวว่าต่อไปผมสายไม่ได้แล้ว วันนี้เช้าผมทำไก้เตรียมไว้ในตู้เสร็จ ไอแอนเอาเข็มกลัดมาให้ผม เข็มกลัดคุณภาพทอดไก่แฮะ :) ขอบคุณไดแอนครับ วันนี้ผมทำงานแค่กะเช้า สิบโมงถึงบ่ายโมงครึ่ง ตอนบ่ายผมกลับมาอาบน้ำลองแวะไปที่บ้านลุงจอห์นผมไปแคะประตู แต่ไม่มีใครตอบรับ ผมไปหาลุงหลายวันก่อนเห็นประตูหน้าบ้านปิดไว้ คงไม่อยู่บ้านวันนี้ประตูเปิดแล้ว แต่ไม่มีใครตอบรับ ผมยืนสักพัก ก่อนตัดสินใจกลับไปที่ห้อง ผมเป็นห่วงว่าลุงจอห์นจะสุขภาพไม่ดีรึป่าว เพราะลุงสุขภาพไม่ค่อยดี ทานอาหารหลายชนิดไม่ได้และอาหารไทยที่ผมทำให้วันนั้นจะทำให้ลุงไม่สบายรึป่าว ผมกังวลอยู่เหมือนกัน ผมกลับมายืนรอรถที่หน้าอพาร์ทเม้นต์เพื่อที่จะไปร้านนังสืออีกทีเพราะมีเวลาว่างแต่ไปคราวนี้ไม่ได้อะไรเพราะมีเวลาน้อยแค่หนึ่งชั่วโมงรถเมย์จะหมดแล้ว ห้าโมงผมกลับมายืนรอรถเมย์ที่ ห้าง Kirkwood mall เจอกับคุณลุงป้าที่ขึ้นรถเมย์ประจำด้วยกัน ผมเข้าไปยืนทักและยืนรอกับคุงและป้า รถมาแล้ว ผมแวะที่ร้าน ซุปคาเฟ่ กินซุปกับแซนวิสหน่อยเพราะวันนี้เข้าแค่กะเช้าไม่รู็ว่าตอนเย็นจะทานอะไร ก็ฝากท้องไว้ที่ร้านซุปคาเฟ่นี่แหละครับผมเข้าไปห้าโมงห้านาที คุณดอลนาบอกว่าเราปิดห้าโมงเย็นวันนี้ คุณมาร์คยืนอยู่บอกว่าทานได้แต่รีบๆนะ :) ผมรีบทานซุปและขอช่วยเช็ดโต๊ะหน่อยก็ยังดี ผมบอกกับ ดอลนาและมาร์คว่า ผมรู้สึก อบอุ่น และ รู้สึกดีปลอดภัยทุกครั้งที่ผมมาที่ซุปคาเฟ่ เมื่อผมคิดถึงพ่อแม่ทีไรผมมาช่วยงานที่นี่แล้วทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นครับ ดอลนาและมาร์คยิ้มแล้วก็ชวยคุยหลายอย่าง ก่อนที่คุณมาร์คจะชวนผมว่า วันนี้ไปดูหนังกันไหม ผมยิ้มรับและตอบตกลงทันทีครับ งั้นผมขอกลับไปที่ห้องก่อนหกโมงครึ่งคุณมาร์คจะมารับที่หน้าอพาร์ทเม้น ขณะที่รอผมเดินไปที่บ้านลุงและป้า อีกครั้ง ไปเคาะประตู สามครั้งไม่เห็นมีเสียงตอบรับ ผมยืนสักพักก่อนที่จะเดินกลับไปรอที่ห้อง ขณะที่ผมเล่นเนตอยู่ห้อง มีคนมากดกริ่งประตู ผมเปิดออกไป ลุค ยืนที่หน้าประตู ชวนผมไปวิ่ง ผมบอกว่าผมไม่ว่างครับ ผมรอไปดูหนังกับคุณมาร์คหกโมงครึ่ง ลุคกลับไป สักพักเสียงกริ่งดังขึ้น อ้าวลุคขอความช่วยเหลือให้ขนดินและกระถางขึ้นไปที่ห้องลุคกำลังจะปลูกต้น สตอร์เบอร์รี่ นี่เอง โอวหนักใช้ได้ หกโฒงครึ่งแล้วผมออกมารอที่หน้าอพร์ตเมนต์ คุณมาร์คมาแล้วและมุ่งตรงไปที่โรงหนัง Grand ซึ่งเป็นโรงภาพยนตืที่คนในเมืองนี้นิยมเข้ามาดูวันนี้ฝนตกคนเยอะด้วยแฮะ เรื่อง Soul surfer เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของ Bethany Hamilton เล่าถึงเรื่องราวของหญิงวัยรุ่นและครอยครัวที่ชอบเล่นกระดานโต้คลื่นและเธอเป็นนักกีฬาโต้คลื่นกัลครอบครัวที่อบอุ่น และหลังจากที่เธอไปแวะพักเที่ยว เล่นกระดานโต้คลื่นแล้วเจอฉลามกัดแขนของเธอขาด ชีวิตหลังจากนั้น กลับไม่ทำให้เธอยอมแพ้เธอกลับตัดสินใจสู้และพยายามเล่นกระดานโต้คลื่นใหม่อีกรอบทั้งๆที่เธอมีแขนเดียว และการที่ได้รับกำลังใจดีจากครอบครัวและเพื่อนทำให้เธอฝึกฝนอย่างนักและสุดท้ายเธอก็เอาชนะใจเธอผู้คนชาวอเมริกันไปเลย ขอบคุณคุรมาร์คที่เลี้ยงหนังและป๊อบคอนวันนี้ครับบบบบ   ขอบคุณมากครับบบบ 

คุณลุงที่สี่แยก

 สองวันพฤหัสบดีที่แล้วผมทำงานกะเช้าเสร็จบ่ายโมงครึ่ง ทำอีกทีก็ตอนบ่านห้าโมงเย็น มีเวลาอีกเยอะแฮะ ผมเดินไปที่ Dan's supermarket เพื่อไปซื้อบัตรเติมเงินมือถือที่ตอนแรกเราสามคน รวมเงินกันซื้อมือถือถูกๆสักเครื่องไว้ใช้ ขณะที่ผมกำลังจะข้ามถนน มองเห็นชายวัยประมาณห้าสิบได้ ยืนถือป้ายป้ายหนึ่งอยู่ตรงสี่แยก พร้อมกับประเป๋าเดินทางเก่าๆ สองใบ ผมมองจากไกลๆ พอจะรู้ว่าชายคนนี้ต้องการความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง บางทีอาจจะเป็นขอให้คนที่ขี่รถผ่าน ขอเดินทางไปด้วย หรือว่าเขาต้องการเงินรึป่าว ขณะที่รถหลายคันกำลังจอดติดไฟแดงอยู่นั้น ไม่มีคันไหนที่จะเข้ามาถามหรือ ตอบรับกับป้ายที่ลุงถืออยู่ ผมเดินเข้าไปไกล แต่หนึ่งอยากเดินเข้าไปหา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้า ผมเดินผ่านกรายห่างๆ พออ่านป้ายที่ลุงาน่าถืออยู่บ้าง ว่าลุงไม่มีเงิน ที่จะกลับบ้าน และก็อะไรหลายอย่างผมก็แปลไม่ค่อยออก และมีคำลงท้ายเขียนว่า Thank God ผมเดินผ่านไปที่ Dan 's supermarket ก่อน ซื้อบัตรเติมเงิน ผมเดินกลับมาอีกรอบยังเห็นลุงยังยืนถือป้ายอยูที่เดิม ผมยังมีความรู้สึดอายอยู่บ้างถ้าจะเดินไปหาลุงที่ตรงสี่แยก ขณะที่ผมเดินเข้าไปใกล้ ลุงก็เดินไปนั่งที่หลังถังผมคิดว่าน่าจะเป็นถังขยะหลังอาคาร (ถังขยะทีนี่ไม่เหมือนบ้านเราเป็นถังที่ใหญ่และดูมิดชิดไม่ได้ดูรันทดนะครับ) ลุงไปนั่งพักสูบบุหรี่ในจึงผมเดินเข้าไปใกล้ คิดว่าทำไมเขามีเงินซื้อบุหรี่สูบนะจะดีไหมน๊าที่จะเข้าไปหาเขาจะเป็นคนดีรึป่าว ผมเดินผ่านลุงไปได้สักพัก ผมคิดว่าในเมื่อคนอีกคนกำลังขอความช่วยเหลือ เราไปอาศัยกินอาหารที่ร้านซุปคาเฟ่ ที่เป็นของศาสนาคริสซึ่งเขานับถือพระเจ้า และป้ายลุงเขียนบอกว่า Thank God ผมจะไม่เข้าไปหามันดูเหมือนผมจะใจดำเกินไป เราทำความดีอย่าไปกลัวเขาจะทำร้าย ผมตัดสินใจเดินย้อนกลับไป เดินเข้าไปหาลุง ผมทักลุง ลุงทักผมตอบ ผมนั่งขุกเข่าลงข้างลุงที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ ผมบอกกับลุงว่า ผมเห็นลุงยืนถือป้ายที่สี่แยกนานแล้ว ลุงเป็นยังไงบ้าง ลุงยิ้มกลับผมบอกว่า เขาหลายอย่างแต่ผมฟัภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรงพอจะจับใจความได้ว่า เขาต้องการเงินค่ารถกลับบ้านเขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ที่  ผมจำชื่อไม่ได้และผมไม่รู้ด้วยว่าอยู่ไกลจากเมืองนี้เท่าไหร่ ลุงผมขออ่านป้ายลุงได้ไหม ลุงบอกว่าได้เลย ผมหยิบป้ายที่เป็นลังกะดาษ ก็พอจะจับใจความได้  ลุงถามผมว่าอ่านออกไหม ผมบอกว่า ออกห้าสิบเปอร์เซนครับ ลุงแปลทีละคำให้ผมฟัง ลุงบอกว่าลุงเคยผ่าตัดหลังมาและยืนเปิดหลังให้ผมดู โหวรอบแผลผ่าตัดยาวตามแนวกระดูกสันหลังเลย ไม่ว่าลุงจะดีหรือไม่ได้ผมก็ไม่รู้ แต่ขณะที่คุยลุงก็ยิ้มกับผมคุยดี ผมบอกว่าลุงต้องการเงินหรอครับ ผมยืนเงินให้ลุง 3 ดอนล่า เพราะผมก็ไม่ได้มีเงินมากมายเท่าไหร่ ผมถามลุงว่าค่ารถเท่าไหร่ และตอนนี้มีเงินเท่าไหร่แล้ว ลุงบอกผม ค่ารถ แปดสิบกว่าเหรีญย ตอนนี้มีเงินเท่าไหร่ผมฟังไม่ค่อยออกแต่รู้ว่ายังไม่พอ ผมก็ไม่มีเงินมาก ผมให้เงินลุงเพิ่มอีกสองดอลล่า จะได้เป็นห้าดอลอย่างน้อยก็เพิ่มเติมลุงได้บ้าง ลุงถามผมว่ามาจากไหน ผมมาจากประเทศไทยครับ ลุงรู้จักไหม ลุงรู้จักแล้วก็พูดอะไรหลายอย่างแต่ผมจับใจความไม่ได้ ยังไงก็ตาม ก่อนกลับผมบอกลุงว่า ผมโชคดีที่ได้เจอลุงนะครับ ลุงบอกว่าขอบคุณมาก ก่อนที่จะยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นมา ผมจับมือลุงไว้ด้วยสองมือผมแล้วบอกลุงว่า ขอให้ลุงโชคดีนะครับ ลุงตอบผมว่า  ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ผมยิ้มและเดินกลับไปที่ในห้างนั่งรอที่โวฟาตัวเดิม ผมรู้สึกดีใจที่ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาลุง ไม่ว่าป้ายที่ลุงเขียนจะเป็นความจริงรึป่าวอย่างน้อยผมก็ได้ชนะใจตัวเองที่ตัดสินคนอื่นไม่ดีล่วงหน้า ขอบคุณลุงมากครับบ  ขอให้ลุงโชคดี

Piyachai Good Job

 เมื่อวันศุกร์ที่แล้วที่ เคเอฟซี มีงานเลี้ยงได้สั่งที่ร้านเป็นไก่ 800 ชิ้น ซึ่งตรงกับกะของผมที่ต้องทำไก่ ไดแอนบอกผมเมื่อวันก่อนนั้นว่า อุ๋ยเตรียมร้องไห้ได้เลย ผมบอกว่าผมสู้ครับ วันนี้จอห์นบอกกับผมว่าทำห้เร็ซที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมเข้างานตั้งแต่ บ่ายสองตั้งแต่นั้นจนถึงห้าโมงเย็นทำไม่ได้หยุดทอดไก่เลยสักนาที ทุกอย่างวางแผนล่วงหน้าว่าทำอันนี้เสร็จ ต้องทำอันนั้นต่อ สามชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ในระหว่างสามชั่วนั้น ไดแอนเข้ามาแซวผมตลอด และในที่สุดจอห์นก็มาขอ แปะมือ เยี่ยมมากก เย็นวันนั้นไดแอนเข้ามา พร้อมกับใบโน๊ตเขียนแสดงว่า Piyachai ทอดไก่ 800 ชิ้น Good Job :)  แม่เคยบอกกับผมตอนเรียนจบว่า การที่เราจะทำอะไร ให้เหมือนกับฟ้อนรำ ถ้าเราไม่ใส่ใจรำ รำออกมาก็ไม่สวย ทำอะไรก็เหมือนกัน ให้ใส่ใจทำ ผมจำคำนี้ของแม่ที และนำมาใช่กับสิ่งที่เจอ จากตอนแรกผมมาทำงานที่เคเอฟซี ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่เข้าใจระบบการทำงานที่นี่ ทำให้ผมทำอะไรดูจะผิดพลาดไปหมด จนทำให้หัวหน้างานส่ายหัวไปหลายครั้ง หรือรับคำติมามากเหมือนกัน แต่ผมไม่เคยโกรธใคร ทุกอย่างที่เจอ คำติ คำด่า ก็ให้เรามาคิดพิจารณาที่ตัวเองก่อนอันดับแรก ใช้รอยยิ้มไว้ก่อน ขยันทำงาน อดทน คือสิ่งที่ผมคิดถึง คุณตาผมที่แม่เคยเล่าเรื่องราวของตาให้ฟัง บางทีผมอาจจะเหมือนตาในบางส่วนก็ได้การรีบให้อภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งที่ผมได้จากที่นี่ ทำให้งานเราดำเนินไปได้ด้วยดี วันนี้ตอนเช้า ผมรอรถเมย์รอบแปดโมงสี่สิบห้า ผมออกไปรอแปดโมงสี่สิบ อ้าวว รถเมย์รอบนี้ไม่่มาซะงั้นทำไงดี ผมรอรถรอบต่อไป ทำให้ผมเข้างายสายวันแรก เกือบยี่สิบห้านาที ครั้งแรกไดแอนและจอห์นให้อภัย เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมรู็ได้ว่าครั้งต่อไปคงไม่ดีแน่ วันทนี้ไดแอน เอาเข็มกลัดทำงานคุณภาพ เป็นรูปผู้พันธ์ เคนตั๊กกี้ มาให้ผม ดีใจครับ  ผมจะตั้งใจทำงานและทำให้มีคุณภาพ  คำสอนของแม่ยังอยู่ในใจผมเสมอ ความดีของพ่อผมนำมาใส่ไว้ในใจ   :)  ...........................................

5/12/2011

The Day off

       เมื่ออาทิตย์ก่อนผมกัยน้องวินนัดกันว่า เราควรหาวัน Day off หรือวันหยุดตรงกันเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ซึ่งการขอวันหยุดสามารถเขียนลงในปฐิทิน ล่วงหน้าได้หนึ่งหรือสองอาทิตย์ งั้นตกลงเป็นวันพุธเพื่อที่จะได้อยู่กลางสัปดาห์ เฝ้ารอคอย แล้ว วันหยุดก็มาถึง เมื่อวานเราวางแผนกันว่า ตอนสิบโมงสี่สิบห้าจะออกไปร้านหนังสือใกล้กับ ห้างสรรพสินค้า Kerk wood ผมได้หนังสือมาหนึ่งเล่ม  ชื่อว่า The facebook effect เพราะผมสนใจประวัติของ Mark Zuckerberk หนุ่มวันเพียงยี่สิบกว่าปีที่วันหนึ่งเขาได้เป็นผู้ที่ชื่อว่า เชื่อมโลกเข้าด้วยกันและกลายเป็นมหาเศษรฐี โดยเป็นผู้สร้างเวบไซด์ที่ชื่อว่า Facebook.com ที่ผมเล่นอยู่ทุกวัน เอาไว้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย บ่ายโมงกว่าแล้ว เราตัดสินใจนั่งรถกลับไปที่ ร้าน ซุปคาเฟ่เติมพลังก่อนที่ไปที่สวนสัตว์ North dakota zoo แต่ขณะที่เรากำลังทานซุปอยู่นั้น ลุค เดินเข้ามาในร้านพอดีแล้วเข้ามานั่งทานซุปกับพวกเราสองคน วันนี้เป็นวันหยุดของลุคพอดี ลุคบอกว่าสนใจอยากไป Capital state ไหมเดี่ยวจะขับรถไปส่ง Capital State เป็นอาคารที่สูงที่สุดของเมือง Bismarck และเป็นศุนย์ราชการต่างๆรวมอยู่ในอาคารนี้หมด ลุงพาไปที่ชั้นสูงสุดเพื่อจะได้ชมวิวของเมืองทั้งเมืองสี่ด้าน ขณะที่เรากำลังชมวิวอยู่ บังเอิญมีกลุ่มนักเรียนและอาจารย์กำลังเที่ยวชมและมีไกด์บรรยายประวัติความเป็นมาซึ่งพวกเราก็ขอติดสอบห้อยตามไปด้วย ถึงแม้ผมจะฝังภาษาอังกฤษไม่ค่อยออกเท่าไหร่นักแต่ก็พอจะถูๆไถๆไปได้ จากนั้นเราสามคนก็ลงลิฟท์และแวะเข้าไปชม Heritage center ตั้งอยู่ตรงข้าวกับ Capital state ซึ่งเป็นพิพิทภัณธ์ประวัติติศาสตร์ของเมือง Bismark ตั้งแต่ยุคการขุดพบและมีโครงกระดูกไดโนเสาร์ตั้งโชว์ การแสดงรูปปั้นและข้าวของเครื่องใช้ของชนเผ่าอินเดียวแดง รวมถึงการเข้ามาของชาวยุโรป เครื่องจักร รูปภาพเก่าๆต่างๆ ตั้งโชว์เอาไว้ ผมเคยมาแล้วครั้งก่อนแต่มีเวลาน้อยเลยไม่ได้ชมจุใจ ครั้งนี้ผมได้เข้าขมจุใจเลยทีเดียว จากนั้นเราสามคนออกจาก Heritage center เดินเข้ามาที่ State memorial Library เข้ามาชมพิพิทพันธ์ห้องสมุดของเมือง ซึ่งเก็บหนังสือเก่าๆเอาไว้ให้ชมและสามารภยืมไปได้ ว้าว ได้เวลาแล้ว ก่อนกลับลุคอาสาพาไปเลี้ยงน้ำปั่นผลไม้ที่ร้าน Juice Bar แก้วละสามเหรียญเลยทีเดียว ที่เราจะแวะกลับมาที่ร้านซุปคาเฟ่ย์อีกครั้ง พอถึงร้านซุปคาเฟ่ น้าดอลนา ที่ทำงานแทน มาร์ค ซึ่งไม่อยู่หลายอาทิตย์ น่าดอลนาบอกว่ามีคนจากร้าน KFC มาตามพวกเราสองคนให้ไปที่ร้าน ตอนห้าโมง ซึ่งตอนนี้ไม่ทันแล้ว จะห้าโมงแล้ว เกิดอะไรขึ้นที่ร้าน KFC ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันหยุดของพวกเรานะ โอยย เมื่อกี๊มีน้องๆ ที่เคยเจอที่ร้านซุปคาเฟ่มาเคาะประตู มาขอนั่งเล่นที่ห้องเราสักพักกับเพื่อนอีกสามสี่คน โอวว้าว อเมริกันไสตล์ น้องนั่งคุยไปด้วยจูบกันไปด้วย โฮวว  อิจฉาจัง :) ฮะฮ่า ก็คงเป็นธรรมดาของที่นี่หละนะ......

5/04/2011

ดีใจได้เจอป้าจอยอีกครั้ง

           วันนี้ระหว่างที่ผมนั้งรอจะทำงานที่โซฟาตัวเดิม ที่นี่เหมือนกำลังจะซ่อมแซมสถานที่หลายแห่งทำให้คุณลุงคุณป้าหลายคนไม่ได้ออกมาเดินที่นี้แล้ว ระหว่างที่ผมนั่งลงโซฟา ผมคงไม่ได้เจอป้าจอยอีกแล้วมั้ง ผมหยิบหนังสือเล่มเดิมขั้นมาอ่าน อ่านไปได้ซักพักผมเงยหน้าขึ้นมา มีป้าคนหนึ่งเดินด้วย ุเครื่องช่วยเดิน waliker สวมเสื้อกันหนาวสีเหลืองเดินยิ้มเข้ามา นี่ป้าจอยนี่นา ผมยิ้มทักป้าจอย ผมดีใจที่ได้เจอป้าจอยอีกครั้ง คุณป้ามานั่งข้างผม วันนี้เราได้คุยกันนานขึ้น เพราะผมมีเวลาอีกนานกว่าจะทำงาน ตอนบ่ายสาม ผมดีใจจริงๆ วันนี้ผมได้คุยกับป้า ป้าเป็นคนจิตใจดี เป็นคนที่มีเมตตามากครับ คุณป้ารับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ถึงห้าคน บางคนเป็นนักโทษ มีคนหนึ่งเป็นคนเวียดนาม  ผมถามคุณป้าเป็นหน่วยงานหรอครับ ป้าบอกผมว่าป้าใช้เงินส่วนตัวของป้า ตอนนี้ป้ามีลุกแล้วห้าคน และมีหลานที่เกิดจากลูกบุญธรรมทั้งห้าคนนั้นสิบกว่าคน ผมสงสัย เลยถามป้าไปว่า แล้วคนที่เป็นนักโทษเขาไม่ได้สร้างปัญหาให้หรอครับ ผมได้รับคำตอบที่ประทับใจมาก ป้าบอกว่าเราเชื่อใจและรักเขาเขาจะรับรู้และแสดงออกมาให้เราเห็น ตอนนี้คนที่เป็นนักโทษก็มีอาชีพและเป็นครูสอนเต้นด้วย บางคนอายุสามสิบกว่าไม่เคยเรียน ตอนนี้เพิ่งเรียนจบและป้ากำลังจะไปหาแสดงความยินดี ผมแสดงความยินดีด้วยครับ ป้าบอกว่าตอนนี้ป้ามีลุกบุญธรรมถึงห้าคน จนสามีป้าบอกว่าพอได้แล้ว ผมยิ้มกับคำพูดของคุณป้า ป้าบอกว่าป้ารักเด็ก และหน้าตาป้าถึงจะดูมีอายุแต่ป้าเป็นคนสวยมาก เอ๋หรือว่าป้าจะเคยเป็นนางงามมาก่อนน๊า ผมสงสัย :) ป้าให้นามบัตรผมและเบอร์ติดต่อไว้ ป้าถามผมว่า คิดถึงพ่อกับแม่ไหม และผมก็เหมือนได้พูดประโยคเดิมที่ได้พูดกับลุงจอห์นและป้าหลุยไว้ ผมมีบล็อคเป็นไดอะรี่ออนไลน์ผมเขียนเรื่องราวต่างที่ผมได้เจอที่นี่ไว้ รวมถึงป้าด้วยนะครับ ป้าบอกว่า ป้ายินดีมากกก   ผมไม่มีโทรศัพท์ที่จะให้คุณป้าติดต่อได้ ป้าบอกว่า วันไหนอยากทานข้างหรืออยากให้ป้าพาไปเที่ยวก็ให้โทรหา ผมพกของที่ระลึกไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา คือ ที่ขั้นหนังสือที่ซื้อจากถนนคนเดินเชียงใหม่เอาไว้ เพื่อผมเจอคนใจดี ผมจะให้เขาเป็นการขอบคุณ ผมยื่นให้คุณป้า คุณป้าบอกว่าเสียดายวันนี้เวลาเรามีน้อย ผมเล่าเรื่องราวของผมให้ป้าฟังบ้าง ผมเป็นนักศึกษากายภาพที่ไทย มาทำอะไรที่นี่ก็ว่าไป ป้าบอกว่า วันศุกร์นี้ป้าก็มีนัดกับนักภายภาพประจำตัวป้า เรื่องเข่าที่ป้าเพิ่งผ่าตัดไป ผมสันนิษฐานว่าป้าน่าจะเป็นโรคข้อเข้าเสื่อม เพิ่งได้รับการผ่าตัด ตอนนี้เดินได้แล้วแต่ยังาเคลื่อนไหว งอเข่าไม่ได้สุดช่วงและกำลังได้รับโปรแกรมออกกำลังกายจากนักกายภาพบำบัด ป้าเล่าท่าต่างๆ ที่นักกายภาพให้มา งั้นดีเลยครับ ผมฝากของที่ระลึกไปให้นักกายภาพของป้าด้วยนะครับ ก่อนที่ผมจะหยิบที่ขั้นหนังสืออีกใบให้คุณป้าไป ก่อนที่จะจากกัน เราไม่มีเคื่องมือที่จะติดต่อกันได้ และ ตารางงานของผมก็เปลี่ยนทุกอาทิตย์ ยังไงผมก็นั่งรอที่นี่หละครับ ป้าบอกว่าที่นี่คงเป็นที่เดียวที่เราได้เจอกัน ก่อนจากกันผมถามคุณป้าว่า คุณป้ามีความสุขไหมครับ ป้าบอกว่าป้ามีความสุขมาก ผมก็รับได้ถึงความสุขของป้า ป้าช่วยเหลือคน ป้าให้โอกาสและเปลี่ยนชีวิตของคนห้าคน จากนั้นรวมไปถึงลูกๆที่เกิดจากคนที่ห้าคน ถึงแม้เขาเหล่านั้นจะไม่ได้อยู่รวมบ้านเดียวกันแต่คอยไปหาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง ป้าเป็นคนดีจริงงงๆ ผมรับรู้ว่าบางทีคุณป้าอาจอยากรับผมเป็นลูกอีกคนหรือป่าวน๊าา  :) ผมคงไม่กล้าที่จะเป็นลูกของป้าเพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากป้าเลย ขอบคุณป้าจอยยยครับบ วันหน้าหวังผมคงได้เจอคุณป้าอีกนะครับ ผมจะนั่งรอตรงนี้และครับ ขอบคุณครับ :)

ทำอาหารบ้านลุงจอห์น

                เมื่อ สองสามวันก่อน ผมมีนัดกับลุงจอห์นกับป้าหลุยนี่น่า บ่ายโมง งั้นตอนเช้าผมควรไปตัดผมดีกว่า ผมเริ่มยาวแล้วแฮะ  อ้าวแล้วร้านตัดผมมันอยู่ตรงไหนเนี๊ย  ลองไปถามคุณมาร์คที่ร้าภัน ซุปคาเฟ่ดู คุณมาร์คกลับอาสาพาผมไปส่งที่ร้านตัดผม งั้นผมผมก็สั้นแล้ว ก็โอเคใกล้เวลานัดแล้ว ผมเดินไปที่บ้านคุณจอห์น ป้าหลุยและคุณลุงจอห์นวางโปรแกรมพาผมขับรถเที่ยวไปอีกเมืองหนึ่ง เป็นพิพิธภัณฑ์ของชนเผ่าพื้นเมือง หรือชนเผ่าดินเดียแดง ที่นี่มีของที่ระลึกเยอะมาก ลุงป้าและผมเดินชนจนครบแล้ว  ป้ามาถามผมว่า อันนี้สวยไหม สวยครับบ ก่อนที่ป้าจะซื้อและใส่กล่องไว้ ก่อนกลับป้า บอกว่า อันนี้สำหรับผม :) ขอบคุณครับบ จากนั้นป้าและลุงขับรถพาผมไปที่ หลุมฝังศพคุณพ่อของคุณลุงมาร์ค วันนี้แสงแดดสวยมาก ท้องฟ้าแจ่มใส หลังจากที่เมื่อวานหิมะตก ผมมองออกไปนอกกระจก กำลังคิดถึงความอบอุ่นและความสุขที่ได้รับจากทั้งสอง สายตาทอดไปเห็นภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสีเขียวสบับซับซ้อน และมีเพียงต้นสนที่ทำให้เมืองนี้มีสีเขียว ต้นไม้ชนิดอื่นตั้งชูต้นไร้ใบเรียงรายข้างถนน ป้าบอกคุณลุงว่าลองพาผมไปที่เที่ยวอีกที่หนึ่ง เป็นบ้านของชนเผ่าอินเดียแดง ทำมาจากดิน เป็นซุ้มขนาดใหญ่ ภายในมีข้าวของเครื่องใช้มากมาย ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่นี่เหมือนจะมีผมสามคนที่เป็นนักท่องเที่ยว และมีไกด์หนุ่มผู้ดูแลที่นี่มาอธิบายเรื่องราวต่างๆให้ฝังเกี่ยวกับ บ้าน และชนเผ่าอินเดียแดง บรรยากาศที่นี่สงบเงียบจริง จากสองคนพาผมขับรถไปดูที่ที่จะปิกนิคสำหรับซัมเมอร์ของลุงและป้าว่าที่ไหนเหมาะสม เลือกที่เสร็จแล้ว ลุงจอห์นขับรถพาผมไปที่ หลุ่มฝังศพของคุณพ่อลุง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาอีกที่หนึ่ง พ่อของลุงเป็นทหารเคยรบที่สงครามเวียดนาม ที่นี่เป็นหลุมฝังศพของทหารอีกหลายนายที่เคยรบในสงครามที่ต่างๆรวมถึง สงครามที่เกาหลี และสงครามโลกครั้งที่สอง สามคนยืนที่หน้าหลุมฝังศพ เนื่องจากอยู่บนยอดเนินเขาทำให้ มองเห็นภาพทิวทัศน์เป็นเนินเขาทอดยาวและมองเป็นเมืองที่ผมอยู่ตั้งอยู่ไกลพอผมควรแฮะ  ได้เวลาแล้ว ลุงขับรถถึงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของเมืองที่ผมอยู่ ซื้อของครบแล้ว ผมกลับบ้านไปทำอาหารที่บ้าน เป็น บล็อคโคลี่ผัดไข่ ไข่ตุ่นแครอท และกล้วยราดน้ำผึ้ง และน้ำ ผึ้งผสมมะนาว ไม่รู้รสชาดเป็นไงบ้าง ลงกับป้าก็ชมผมอย่าเดี่ยวเลยย  ที่โต๊ะอาหารป้าให้เกียรติลุง และลุงก็ให้เกียรติป้า แอะ :D ทั้งสองดูรักและเอ็นดูกันมาก ผมเก็บภาพความอบอุ่นและความรักระหว่างสองคนระหว่างที่ทานข้าวในโตะอาหารมื้อนี้ไว้  ทานข้าเสร็จมาดูทีวีอีกห้องหนึ่งรายการประกวดคล้ายกับ The star บ้านเรา จบแล้ว ก่อนกลับ ผมบอกลุงกับป้าว่า ผมขอทำสิ่งนี้ให้ได้ไหมครับ ผมให้ป้าและลุงนั่งที่เก้าอี้ ผมขอกราบลุงและป้าเป็นการแสดงความเคารพและความรักที่ผมมีให้ ผมบอกว่าผมทำแบบนี้กับพ่อและแม่ของผมก่อนผมจะมาที่นี่  ป้าบอกว่าที่นี่เขาแสดงความรักด้อวยการกอด ก่อนที่ป้าจะเข้ามากอดผม และผมขอกอดคุณลุงด้วยครับ ผมไม่รู็จะอธิบายถึงภาพและความรู้สึก ความรัก ความอบอุ่น ในวันนี้ทั้งวันที่ผมได้รับ ขอบคุณครับ ขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยนะครับ ระหว่างที่อยู่ในรถป้าถามผมว่าผมติดต่อพ่อแม่ยังไง ผมบอกไปว่าผมมีบล็อคครับ ผมเขียนเรื่องราวต่างๆที่ผมได้เจอรวมถึงผมเขียนถึลุงกับป้าด้วย พ่อแม่ผมได้อ่านแล้ว และบอกให้ผมแวะไปหาลุงกับป้าที่บ้าน  และป้าบอกว่า พวกเราก็ดีใจและฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ  ....กลับห้องดีกว่า

4/24/2011

Mr.Oui ตอน ไก่ไหม้ -0- ทำไงดี :D

             หลังจากที่พบป้าจอยผมก็เดินมาถึงร้าน เคเอฟซี ด้วยเวลาอันรวดเร็ว หิมะเลิกตกแล้วหลังจากเมื่อวาน ช่วงเช้าฝนตก ซักพักเม็ดฝนกลับกลายเป็นหิมะ ขาวโพลนไปหมด มีคนบอกผมว่านี่น่าจะเป็นหิมะกลุ่มสุดท้านก่อนเข้าฤดูใบไหม้ผลิเต็มตัว แต่ยังไงวันนี้อากาสแจ่มใส ถึงร้านทักทาย Dian cole และ kristal และเธอได้แนะนำผมกับพนักงานคนใหม่ เป็นหนุ่มด้วยนักเรียนชาวเมกัน วันนี้ไก่ในตู้อุ่นจะเตรียมไว้กี่ถาดครับ เะฮบอกว่า Originalง (ไก่สูตรดั่งเดิม) 4 ถาด Crispy (ไก่กรอบ) 2 ถาด Dian เป็นผู้จัดการเคเอฟซีสาขานี้ เธอเป็นคนใจดี อารมณ์ขัน แต่พอทำงานเธอจริงจังขึ้นมาทันที เธอแกล้งขู่ผมเล่นว่า เตรียมตัวโดยสังหารไว้เลยวันหน้า :) และแล้วมันก็เป็นจริงอย่างนั้น วันนี้ระหว่างที่หย่อนไก่สูตรดังเดิงลงไปในอ่างน้ำมันผมปิดฝา และผมก็รีบไปทำไก่ถาดที่สองทันที โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองลืมกด Timer ตัวตั้งเวลาไว้ ชุบไก่ในแป้งจัดเรียงบนตะแกรงเตรียมถาดที่สามมาหย่อนที่ถังน้ำมัน สายตาผมก็แหลือบไปเห็นสิง่ที่ผมไม่อยากจะเห็น -0- ผมลืมกด Timer ถังที่หนึ่ง ตายหละ"  ทำไงดีวะเนี๊ย ผ่านไปกีนาทีแล้ววะเนี๊ยยย  ลองปิดรีเซตเครื่องใหม่แล้วกดต้เวลาให้เหลือ 5 นาทีหละกัน ผลออกมาเป็นไงเป็นกัน ลุ้นอยู่ในใจว่าไก่จะออกมาเป็นไง ช่างเป็นห้านาทีที่ตื่นเต้น ยาวนาน ซึ่งปกติการทำไก่สูตรดั้งเดิมโดยเครื่องถังน้ำมันจะมีปุ่มกดตั้งเวลาเฉพาะแต่ละสูตรไปซึ่งเวลาแต่ละสูตรจะแตกต่างกัน สำหรับ สูตรดั้งเดิมใช้เวลา 15 นาที เวลาที่เครื่องนับถอดหลัง 10 , 9 , 8 ในใจลุ้นอยู่ตลอดถึงผมที่จะออกมา 7 ,6 ,5, 4, ถ้าออกมาเกรียมนี่จะทำไงว๊า สามวินาทีที่เหลือ เตรียมใจไว้ว่าเกรียมชัวร์ 3 , 2 , 1, 0 ตื๊ด ๆ ๆ ๆ เครื่องส่งสัญญาณเตือนหมดเวลาจุ่มไก่ และมันจะหมดเวลาทำงานผมด้วยไหนเนี๊ย จะไล่ออกไหมมม ผมเปิดฝาออกมา ใช้ตะขอยกตะแกรงไก่ขึ้นมา ค่อยๆ ยกขึ้นทีละน้อย ขณะที่ตะแกรงไก่ชั้นแรกพ้นผิวน้ำมันภาพแรกที่เห็น -0- "เกรียม"  สูตรไก่เกรียมของผม ทำเอาตัวเองใจหายไปตามคาด เอาไงดีวะ ผมรีบหยิบไก่เก็บจากตะแกรงใส่ถาดอย่างรวดเร็ว ในใจหนึ่งคิดว่า จะรีบเอาไปทิ้งขยะให้เร็วที่สุดแล้วหาอะไรกลบไว้ แล้วรีบทำภาดใหม่ให้ทัน แต่ความดียังพอมีบ้าง แอะ! ถ้าเราทำยังงั้นมันไม่ดีนินา เชื่อในความดี สู้พูดความจริง ดีกว่าผลจะเป็นยังไงช่างมัน ภาพตอนที่ผมยังเด็กตอนทำจานแม่แตกผุดขึ้นมา ตอนนั้นผมคิดทำไงดี คิดแล้วคิดอีก ไปแกล้งบอกแม่ว่าคณุให้มาทำแบบสำรวจวิชา กพอ. เกี่ยวกับว่า ข้อ 1. ผมก็ตั้งข้อมาสอบถามแม่ว่าจะคิดแบบไหน 2. และข้อสามถามว่า ถ้าลูกทำจานแตกจะโกรธไหม แม่บอกว่าไม่โกรธ ผมสารภาพทันที และเมื่อวันก่อนผมได้ฟังท่าน ว.วชิระเมธี ตอนเด็กที่ไปตักน้ำแล้วทำ วิทยุทาานสิสเตอร์ตัวโปรดของแม่ตกลงไปในบ่อน้ำ แล้วหาวิธีนั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อ ในที่สุดท่านก็บอกแม่ สถานการณ์นี้ก็เช่นเดียวกัน ผมสารภาพความจริงน่าจะเป็นสิ่งที่ีที่สุด พอผมหยิบไก่ใส่ถาดเก็บไว้ในตู้เสร็จ ผมเดินออกไปหน้าเคาท์เตอร์ร้าน Dian และ kristal ยืนอยู่ ผมเดินไปหา Dian ซึ่งกำลังกวาดพื้นอยู่ Dian ครับ  ขออนุญาติครับ ผมมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกคุณ เธอแกล้งทำสีหน้าตกใจสุดขีด เธอจะแต่งงานหรอ ไม่ครับบบ ผมลืมกด Timer เธอกวาดพื้นสักพัด Krital เดินอเคยบอกก่อนหน้านั้นแล้วว่าถ้าทำไก่ไหมเธอจะปรับเงิน 40 ดอลล่า ขู่ๆ ผมถามว่าแล้วจะปรับเงินผมไหมครับ ไปคุบไดแอนเองนะ เธอเตือนผมว่าถ้าลืมต้องรีบมาบอกเราเลย ผมก็แก้สถานณ์การเองเพราะถึงตอนนั้นถึงบออมันก็ไม่ทันแล้ว Dian กวาดพื้นเสร็จเดินเข้าไปที่ห้อง ผมเตีรยมไก่ทีเหลือเสร็จ ผมลองเดินไปคุยกับ dian ท่าจะดีกว่า ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านๆผ โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นแค่การขู่ก็ตาม Dian ขออนุญาติครับ Dian นั่งนับเงินอยู่ คุณจะปรับเงินผมไหม เธอยิ้มแต่แกล้งผมสีหน้าขรึม 1. ไม่คิดว่าผมจะสารภาพว่าทำไก่ไหม้ 2. ไม่คิดว่าผมจะมาถามว่าเธอจะปรับเงินผมจริงรึป่าว เธอเตือนว่าครั้นี้ยังไม่ปรับ แต่ครั้งหน้าถ้าทำไหม้อีก ฉันจะจับเธอตีก้น ผมขอโทาจะยิ้มให้เธอ ครับผม ผมจะระวังไม่ให้ไก่เกรียมอีกครับบ  ผมขอโทษและไปทำงานต่อ ถาดไก่เกรียมวาไปไว้บนโต๊ะ ซึ่งพนักงานคนอื่นเข้ามาเจอก็คงรู้กันว่ว่ ไอ้อุ๋ยมันทำไก่เกรียม เพราะไก่ที่เกรียมจะไม่เอาไปทิ้งขยะ แต่ Dian จะลองแป้งออกและฉีกเอาเนื้อไก่กลับบ้าน เมื่อพนักงานคนอื่นมาเห็น พอช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย ทุกคนที่อยู่หน้าร้านก็มายืนคุยกัน ซึ่งผมอยู่ในครัวล้าง เช็ดโต๊ะ แอบเหลือไปเห็น Dian กำลังเอาเรื่องผมไปเล่าให้เพื่อนพนักงานคนอื่นๆฟัง แบบสนุกสนาน และขำกันใหญ่ วันนั้นทั้งวัน ตอนแรกคอดว่าคงโโยว่า แต่ด้วยการพูดความจริงบวกความใสซื่อ ผมเรียกว่า ซื่อสัตย์ แล้วกัน ทำให้ Dian และเพื่อนพนักานคนอื่น เชื่อใจ และได้ใจเพื่อนพนักของอื่นๆ โดยเฉพาะ Dian ผมรับรู้ได้....การยอมรับในความผิดพลาด และการพูดแสดงถึงความรับผิด มันก้ทำให้เรื่องที่คิดว่าร้ายกลับกลายเป็นเรื่องดีซะงั้น  :)  ขอบคุณสถานการณ์ ผมระวังตัวมากตลอดทั้งวันในการทำงานและการเปลี่ยนเตาน้ำมัน......  จบตอน

ความห่วงใยจากป้า Joy

                  เมื่อวานผมทำงานบ่ายสามโมงครึ่ง นั่งอ่านหนังสือรอที่โซฟานุ่มตัวเดิมที่ Gateway mall  ห้างสรรพสินค้า Gatway mall เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กของเมืองนี้ แต่ช่วงหลังมาคนไม่ค่อยนิยมมากนักเพราะมีห้างขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเมือง คือ Kirkwood mall ทำให้หลายร้านปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย แต่ว่าบรรยากาศภายในห้างถึงแม้ไม่ได้คึกคัดแต่ก็ไม่ได้ร้างผู้คนไปทีเดียว ภายในยังมี ร้านขายยาขนาดใหญ่ ร้านอาหาร 50'c cafe และ ร้านอาหาร Chinatown ร้านขายของเสื้อผ้า เครื่งประดับ ร้านตัดผม รวมถึง คลินิคด้านสุขภาพขนาดใหญ่ Prime Care Health Center ซึ่งเป็นคลิที่มีผู้สูงอายุเข้ามารับการตรวจสุขภาพและรักษาอยู่เป็นประจำ ด้วยการที่ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยน้อยนี่เอง จึงทำให้ที่นี่เป็นที่เดินออกกำลังกายและพบปะของบรรดาเหล่าคุณลุงคุณป้า โดยจะเดินรอบภายในห้างกัน เพื่อออกกำลังกาย  โซฟาตัวนุ่มสี่ห้าตัตั้งอยู่หน้า คลินิค ซึ่งวางตัวอยู่ท่านกลางเส้นทางการเดินออกกำลังกายของบรรดาคุณลุงและคุณป้า โซฟาจึงเป็นที่นั่งพักของเหล่าลุงป้า บางครั้งทำให้ผมนั่ใกล้วงสนทนาแบบห่างๆอย่าห่วงไปโดยปริยาย การเดินทางโดยรถเมย์จากอพาร์ตเมนต์จากหอให้เวลา 35 นาที ผมนั่งรอก่อนทำงาน ประมาณชั่วฌโมงครึ่ง สิ่งหนึ่งจะทำคือการหยิบหนังสือ Love Your Children The Right Way ของหลวงพ่อปัญญา นันทภิขุ ฉบับแปลภาษาอังกฤษ ที่ผมหยิบติดตัวมาจากเชียงใหม่ และเผลอหลับไปอยู่เป็นประจำ เมื่อวานนี้ก็เช่นเดียวกับทุกวัน ในขณะที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาคู่หู คุณป้าคนหนึ่งเดินด้วย walker เข้ามาทักทาย Hi  และเธอเอขอนั่งข้างผม Hi ครับ  ผมเป็นนักศึกษาจากประเทศไทยครับ มาทำงานที่นี่ช่วงซัมเมอร์ ผมแนะนำตัวเองให้ป้าหายสงสัยเป็นอันดันแรกผมรู้ดีว่าทุกคนก็คงสงสัยว่า พ่อหนุ่มน้อยคนเอเชียคนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน และป้าก็เช่นกันเธอบอกว่า เธอมาเดินออกกำลังกายที่นี่เป็นประจำและเห็นผมนั่งคนเดียวเป็นประจำ บางครั้งนั่งหลับ ป้าอยากเข้าคุยหลายวันแล้วแต่เธอหลับอยู่ ป้าบอกต่อไปว่า ป้าคิดถึงมาตลอดหลายวันว่า เด็กคนนี้เป็นใครกัน เขาจะเหงาไหมน๊า ป้าเห็นผมนั่ง Alone (โดดเดี่ยว) และป้ายังบส่วนใหญ่อกอีกว่าท่าป้ามาตอนเช้าจะไม่ค่อยเห็นผมสักเท่าไหร่ ผมยิ้มอย่างซาบซึ้งในความห่วงใยจากป้า ผมซาบซึ้งมากครับ คุณป้าชื่ออะไรครับ ป้าชื่อ Joy ผมอุ๋ยครับ ป้าบ่นปวดเข่าเพราะผ่าตัดมา ที่จริงแล้วผมเป็นนักศึกษากายภาพบำบัดที่ประเทศไทยครับ ช่วงซัมเมอร์ ผมเลยมาทำงานที่นี่ ป้าถามว่าผมทำงานที่ไหน :) ผมทำงานที่ KFC ข้างนอกห้างนี่เองครับ ผมจึงมานั่งรอที่นี่บางทีอ่านหนังสือ บางทีผมก็นั่งหลับครับ :) อกว่า ใช่ๆ ป้าเห็นเธอมาหลายวันแล้ว เธอหลับ ป้าเลยไม่ได้เข้ามาคุย เธอถามว่า แล้วงานเป็นไงบ้าง มีเงินพอใช้รึป่าว ผมขอบคุณป้าแบบซาบซึ้งจากใจ มีพอครับ ขอบคุณมากครับ เธอบอกวัน easter day ของชาวคริส ซึงเป็นวันหยุด ครับผม ผมบอกเธอว่าผมมาที่นีเพื่อที่จะมาหาประสบการณ์ เรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นี่ มาลองฝึกภาษาอังกฤษด้วยครับ เธอบอกว่า ไว้สักวันเธอจะพาไปเที่ยวแล้วกัน ครับผม :) ผมชวนเธอคุยเกี่ยวกับวัน ester ซึ่งเป็นวันสำคัญและเป็นวันหยุดของคนที่นี่ เขามีงานเฉลิมฉลองกันยังไงบ้างครับ (แอบถามเผื่อบางทีป้าอาจพาไปดู แฮะๆ : D ) ป้าบอกว่าส่วนใหญ่เขาไปที่โบถส์กัน เธออยากพาผมไปเหมือนกัน แต่บ้านป้าอยู่อีกเมืองหนึ่ง และป้าเจ็บเข่าบ่อยช่วงนี้ ครับ แล้วเธออยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง เธอชวนผมคุยหลายอย่าง ทุกเรื่องสื่ออกมาถึงความเป็นห่วงเป็นใย ในใจผมคิดซาบซึ้ง ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน กลับเป็นห่วงใย คิดถึงผมอยู่หลายวันว่าจะเป็นไงบ้าง กลัวผมโดดเดี่ยว ขอบคุณในความหวงใยครับป้า Joy เธอถามว่าผมทำงานกี่โมง ครับอีกห้านาทีครับ ได้ๆๆ งั้นเธอควรไปได้แล้ว ครับ ไว้เจอแลสุขภาพด้วย ลาแล้ว ป้าก็ลุกขึ้นโดย walker ออกเดินออกกำลังกายต่อ Bye Bye ผมเดิมยิ้มออกไปจากห้าง ไปทำงานด้วยความดีใจและซาบซึ้ง......... ติดตามต่อตอน Mr.Oui ตอน ไก่ไหม้ -0- ทำไงดี :) แฮะๆ  เจอกันครับบบ

4/20/2011

เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา

เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา เราคงไม่ใช่ของของมัน วันนี้ผมตื่นเช้าเพื่อไปทำ Social security card อีกรอบ ผมค่อนข้างรีบน่าดู จนทำให้ไม่ได้สำรวจของที่นำติดตัวไปทุกเช้า ปกติผมจะสำรวจเตรียมของก่อนออกจากห้องทุกวัน เผลอจนได้ ผมทำมือถือหล่นไว้ตรงไหนหว๊า เอ หาไม่เจอแฮะ คิดทบทวนๆ ครั่งล่าสุดที่รู้ว่าไม่ได้เอามือถือติดตัวก็ที่ Social office นี่น่า หรือว่าหล่นที่รถเมย์กันน๊า  ก็น่าเสียดาย แต่ก็ช่างมันเถอะ  ในเมื่อมันไม่ใช่ของของเรา อย่ายึดติด อะไรกับข้าวของมากนัก แล้วผมจะเอาอะไรเป็นนาฬิกาปลุกกันหละ เอ๊าละคราวนี้คงต้องกลับจากทำงานแล้วอาบน้ำนอน ดีเหมือนกัน ฝึกตัวเองให้ตื่นหกโมงเช้าทุกวันเอง ลองดู "เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา" และเมื่อคืนผมลองเตรียมคำพูดซ้อมไว้เพื่อที่จะไปหางานสอง Hi,Are you hiring? (สวัดีครับ ไม่ทราบว่าคุณรับสมัครพนักงานไหมครับ) หน้ากระจก ยิ้มแล้วยิ้มอีก :) ยิ้มแบบไหนจะกินใจคนทั้งโลก ก็คงไม่ขนาดนั้น หลังจากที่ทำ Social security card เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินท่ามกลางฝนหิมะมายัง ห้างสรรพสินค้า Gateway mall เดินผ่านหน้าร้านอาหารจีน China town สอง สามรอบ อายๆอยู่ ดูลาดราว แวะเข้าห้องน้ำที่ห้างสองรอบ มองกระจกหามุม ซ้อมๆ เอาหละลองดู มาถึงขนาดนี้แล้วอย่าอายน่า   ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน เจ้าของร้านดันกำลังคุยโทรศัพท์ ผมต้องยืนเกร็งรอสักพัก Hi I am a student from thailand  Now I try yo find a partime job เกริ่นนำเข้าสู่ประโยคเด็ดที่ตระเตรียมมาทั้งคืน Are you hiring? ......  "No" I am sorry. สั่นๆจะได้ใจความ ประโยคทองที่เราอุตส่าซ้อมยิ้ม ซ้อมพูดอยู่หน้ากระจกได้ล้มครืนลงมาทันตา ฮ่าๆ ในขณะวินาทีที่ได้รับตอบตอบ No ในใจผมกลับ :) ยิ้มผมได้ทำแล้ว ก่อนเดินออกมาจากร้าน ขำตัวเองในใจ "เมื่อมันไม่ใช่ของของเรา"  ตอนแรกผมคิดอยู่ว่าตัวเองจะไม่กล้าเข้าไปเกือบตัดสินใจกลับแล้ว ดีใจที่ตัวเองได้หาอะไรทำแค่นี้ก้เยี่ยมมาก ผมให้รางวัลกับตัวเองโดยการนั่งรถไปกินข้าวเที่ยงที่ Soup cafe หละกัน   ทานซุปเรียบร้อย "ผมจะไป Dan supermarket ยังไงครับ" ผมกางแผนที่ให้น้าที่ร้านดูเรียบร้อยผมเดินไปจนถึงหน้า Supermarket หญิงฝรั่งคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับผม เธอน่าจะบ่นเกี่ยวกับหิมะที่ตกลงมาทุกวันในฤดูใบไม้ผลิ ป้าบ่นใหญ่หันมายิ้มพูดรัวโดยใบไม่เกรงใจดั้งผมเลย $#$%^^*^%$$ (พูดรัว) ..ผมยิ้มให้เมื่อเธอหันมาเพื่อรับความเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด :) ยิ้มกลับคือสิ่งที่ทำได้ เธอเดินมาพูดกับผมจนกระทั้งถึงประตูห้าง ผมยิ้มกับเธอก่อนที่จะพูดว่า I am sorry I don't understand เธอหัวเราะขึ้นมา บอกว่า ฉันก็คิดแล้ว :) บายๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกัน ผมลองไปดู ผัก วัถตุดิบที่พอจะทำอาหารไทยได้บ้าง ว๊าว มีกะทิเท่ากระป๋อง จากเมืองไทย มาวางขายที่นี่ด้วย ผักหน้าตาคล้ายกับบ้านเราแต่ไม่รู้รสชาดจะคล้ายกันไหม  น่าจเท่าที่ดูน่าจะมี ม๊อคโคโลนี่ ข่า(คล้ายๆข่า) กระเทียมหัวละสิบบาท ที่ไทยเราผมได้เป็นพวง คล้ายคลื่นไช้(ภาษษกลางเรียกว่)าอะไร มะขามเปรีี้ยวบ้านเรา สี่ห้าฟัก สามสิบบาทฯลฯ อาหารที่ค่อนข้างแพงเมื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา  น่าจะพอทำได้แฮะ ผมเดินกลับไปห้อง ระหว่างทางที่ผมเดินกลับ มีรถคันหนึ่งมาจอดข้างๆ Hey,Oui จะไปไหน ให้ผมขับรถไปส่งไหม? Look ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่เคยเจอตอนผมไปช่วยงานที่ร้าน Soup cafe เมื่อสองวันก่อน ผมเดินเข้ามาที่รถ คุณจำผมได้ไงครับ เขาบอกว่าที่เมืองนี้มีคนเดินน้อย เห็นข้างหลังก็น่าจะใช่ look ขับรถมาาส่งผมที่อพาร์ทเมนต์ "ขอบใจมาก :)" กลับมาดูทีวีสักสักใหญ่ ห้าโมงครึ่งแล้ว หิวทำไงดีไปร้านซุปคาเฟ่อีกรอบดีกว่า อ้าว look นั่งอยู่ในร้านด้วยแฮะ ผมเข้าไปนั่งด้วยทานซุปไปด้วย look พูดถึงเรื่องกฏสิบข้อของคริสให้ฟัง เพราะผมถามเกี่ยวกับ ความเชื่อของศาสนาคริส ยาวเลยทีนี้ กฏสิบข้อ ระหว่างที่คุยมีน้องสาวสองคที่เคยเจอในร้านเมื่อครั้งมาช่วยงานครั้งแรกเข้ามาสมทบ look อาสาขับรถพา สาวน้อยสองคน รวมทั้งผมมาส่งที่บ้าน สองทุ่มแล้ว ผมเดินจากห้องไปที่บ้านลุงจอห์นกับป้าหลุย ลุงจอห์นเปิดประตูต้องรับเชิญเข้าบ้าน "ครับ ผมแค่จะมาบอกว่า วันหยุดหน้าผมขอมาทำอาหารไทยทีบ้านได้ไหมครับ ลุงดีใจมาก เรียกป้าหลุยมาคุยด้วย ผมเคยไดยินคุณป้าเล่าเกี่ยวกับคุณนูนี่ เคยมาทำอาหารไทยที่บ้านป้า งั้นวันหยุดหน้าผมขออณุญาติมาทำอาหารไทยที่ครัวบ้านป้าได้ไปมครับ ป้าดีใจ ป้าบอกว่าวันไหนดี หยิบปฏิทินขึ้นมา วันนี้วันเกิดป้านะ ห๊ะ วันเกิดหรอครับ สุขสันต์เกิดครบรอบ 66 ปีของป้า ก่อนที่จะหยิบปฏิทินตารางเวลางานองลุงและป้า  โหวกว่าสามคนจะตกลงเวลากันได้ ป้าและลุงมีตารางนัดทำงานเป็นล่วงหน้าเป็นสี่ห้า โหว ตกลงกันว่างั้นเป็นวันที่ 28 เมษา เช้าไปซื้อของด้วยกันที่ supermarket เย็นค่อยมาทำอาหารกัน ครับผม ป้าเคยทำงานเป็นพยาบาลตอนนี้หันมาทำงานเป็น counselor ที่คลินิคกับคุณลุง ฝรั่งแสดงออกถึงความรักให้กันน่ารักทีเดียว ก่อนกลับ ผมบอก Happy birth day  ป้ามีความสุขตลอดเพราะคุณลุงจอห์นเป็นคนดี :) ผมมีความสุขและอบอุ่นมากครับที่ได้เจอ ผมบอกลา แล้วก็กลับห้องไป.........แล้วเจอกันครับบบ

4/16/2011

ช่วยงานร้าน ซุปคาเฟ่่ และ ความบังเอิญ

             วันนี้เป็นวันหยุดของผมอีกวัน ตามตารางอาทิตย์นี้ผมมีวันหยุดสองวัน ตั้งใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันหยุดนี้จะไปช่วยงานที่ร้านซุปคาเฟ่ ตื่นเข้าดูทีวี เล่นเนตสักพัก วันนี้หิมะกลับมาตกอีกครั้งหลังจากหยุดไปเกือบอาทิตย์ ผมเตรียมชุดกันนหนาวตัวหนา พร้อมกับ หยิบ ของฝากใส่กระเป๋าเป็นที่ขั้นหนังสือจากเชียงใหม่ หลายอัน กะว่าจะเอาไปให้คุณมาร์คซักหน่อย สิบโมงครึ่งแล้วผมเดินย้ำหิมะ ตามถนน เห็นรอยรองเท้าที่ย้ำมาก่อนหน้า หนึ่งคนน่าจะใช่ ผมเดินตามรอยเท้าเก่าเพื่อที่จะทำให้เดินได้เร็วขึ้น ถึงร้านซุปคาเฟ่ วันนี้คนคึกคักทีเดียวแฮะ ผมอาสาคุณมาร์คช่วยงาน ล้างจาน ตักซุป กับทำ แซนวิส ล้างจาน มาล้างถ้วย ผมยื่นของฝากให้คุณมาร์ค "ผมชอบมากครับ ปลื้มใจมาก งั้นผมมีของจะให้คุณเหมือนกัน" คุณมาร์กเดินออกไปข้างนอกร้าน สักพักหนึ่ง และกลับเข้ามาพร้อมเสื้อยือสีขาวสองตัว สองขนาดให้ผมเลือก เป็นเสื้อยืดสีขาว สกรีนสโลแกนของร้าน "SOUP Cafe feeding the Body,Soul & Spirit"  งั้นผมขอไซด์เล็กละกันครับ ผมหยิบเสื้อใส่กระเป๋า วันนี้ผมทำงานช่วยที่ร้าน ซุปคาเฟ่ตั้งแต่ 10.30 am - 5 pm ระหว่างที่ผมอยู่ช่วยงาน จะมีอาสาสมัครดินเข้ามาขอช่วยงาน ส่วนใหญ่วันนี้เป็นวันรุ่นราวคราวเดียวกับผมเลยแฮะ เท่าที่นับได้โหว วันนี้อาสาสมัคร เจ็ดคนเห็นจะได้ บาวคนว่างจากงาน ว่างจากเรียนชั่วโมง สามชั่วโมง ก็แวะเข้ามาช่วยงานเท่าที่ตัวเองจะมีเวลา หนึ่งในอาสาสมัครที่มาช่วย คือ Sarah เธอเป็นนักศึกษากายภาพบำบัดที่ มหาลัยที่เมืองนี้ และเพื่อนของเธออีกคน เรียนกิจจกรรมบำบัด ผมขออีเมลล์ติดต่อกับเธอ ระหว่างที่ผมช่วยงานอยู่ ก็มีคนเข้ามาทานอาหารเลยทีเดียว ที่ผมประทับใจคือ การทักทายของคนที่นี่ ถึงแม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนส่วนใหญ่จะมานั่งที่โต๊ะเดียวกัน ทักทายคุยเรื่องสัพพเพเหระผมก็คงไม่เข้าใจ แต่ประทับใจทีเดียว  นอกจากซุปแล้วที่ร้านยังมี ขนม คุกกี๊ ส้ม กาแฟ  คนที่เมืองนี้ดีมาก ผมมีโอกาสได้รู้จักกับคนอื่นๆหลายคน ที่ร้านนี้ ลุง Allen ลุงเคยบอกว่า กำลังจะมีแผนเปิดบ้านสงเคราะห์เด็กเคยเจอเมื่อครั้งก่อน วันพรุ่งนี้จะมาอีกไหม? ผมว่างหนึ่งวันครับ ลุงให้นามบัตรผมมาก่อนผมจะขอตัวกลับ ผมกลับมาที่ห้อง ลองส่งเมลล์ไปหาลุงก่อนสักหน่อย พอหยิบดูนามบัตรขึ้นมาดู "Cornerstone Massage"  Theraputic Art Center  น่าสนใจแฮะผมลองส่งเมลล์ไปบอกลุงว่าผมเรียน Physical therapy ครับ ครั้งก่อนเมื่อเจอกันผมไม่ได้บอกลุงว่าผมเรียนอะไรมา "ไว้ถ้ามีโอกาศผมขอไปดูที่ร้านคุณลุงหน่อยครับ" ไม่รู้ว่าลุงจะตอบกลับรึป่าว  วันนี้ถือว่าเป็นวันหยุดที่คุ้มเลยทีเดียว

4/13/2011

คุณลุง John และคุณป้า Louie สองสามีภรรยาผู้แสนน่ารัก

               วันนี้เป็นวันหยุด Day off ของผม  ผมตื่นสายไปหน่อย วันนี้ผมตั้งใจจะไปเยี่ยมคุณจอห์นและภรรยาที่บ้านตามที่คุณลุงเคยชักชวนไว้ ตื่นเต้นน่าดูแฮะ เมื่อคืนผมทำการบ้าน โดยเข้าไปค้นในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับ Topic หัวข้อที่ใช้คุยในเวลาอาหาร หรือ Teatime ของคนอเมริกา รวมไปถึงบทสนทนาต่างๆ ขนาดนั้นเลยย บ่ายสามโมงกว่าแล้วออกจากบ้านพร้อมความหิวเล็กน้อยและไม่ลืมที่จะหยิบของฝากจากถนนคนเดินเชียงใหม่ เป็นที่ขั้นหนังสือทำมือสองอันใส่ในกระเป่า ลองแวะไปที่ร้านซุปคาเฟ่ซักหน่อย ก่อนที่จะเดินกลับมายังบ้านคุณลุงจอห์น สีฟ้าสดใสของท้องฟ้า ตัดกับสีขาวของปุยเมฆ แสงแดดเริ่มมาเยือนเมืองนี้แล้ว พร้อมกับลมพัดเอื่อยๆ  ผมเดินผ่านสวนสาธารณะ และบ้านเรือน อันแสนสงบ  สีขาวโพลนที่เคยเห็นกลับปรากฏเป็นสีเขียวของสนามหญ้า และต้นไม้ที่ไม่มีใบปรากฏเห็นกิ่งก้านแตกแขนงตั้นแต่ลำต้น กิ่งหลัก จนแขนงกิ่งปลายสุดอย่างชัดเจนกำลังเตรียมใบไว้ผลิ ในฤดูนี้ที่ใกล้เข้ามา "กรี๊งงๆ" เสียงกริ่งดังสองสามครั้ง แต่เหมือนไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนในบ้าน ผมยืนรอสักพัก เห็นป้ายหน้าบ้านเขียนไว้ว่า " Whole person recovery center" พร้อมกับอักษรตัวเล็กข้างล่าง เพื่อบรรยายบอกรายละเอียดของห้วข้อข้างต้น แอะรึว่าคุณจอห์นจะเป็นหมอรึป่าวหน้า แอะสักพัอนี่เป็นคลินิคของคุณลุงจอห์น ผมรอสักพักไม่มีสัญญาณตอบกลับ ลองไปกดกริ่งประตูด้านข้าง ไม่มีสัญญาณตอบกลับผมจะกลับดีไหมน๊า ก่อนกลับ ลองเคาะประตูสักที ประตูเปิดออกพร้อมกับคุณลุงจอห์นนั่นเอง คุณจอห์นเชิญผมเข้าไปข้างในบ้าน ทักทาย เฉยผมดื่นน้ำ โดยคุณลุงเปิดตู้เย็นให้ผมเลือก ว๊าว ในตู้เย็นที่บ้านลุงเหมือนกับร้านขายขอเลยแฮะมีน้ำทุกยี่ห้อ แสดงถึง ที่บ้านของลุงน่าจะมีคนเข้ามาตลอด บรรยากาศภายในบ้านของคุณลุงเป็นไตล์ตะวันตก พร้อมกับโต๊ะทำงาน ผมถามด้วยความสงสัย คุณจอห์นเป็นหมอหรอครับ ผมเป็น counselor หรือเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับคนที่ติดสุราหรือ alcoholism โดยใช้ชั้นล่างขอบ้านเป็นคลินิครับปรึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีปัญหา  alcoholism ขณะที่ผมกำลังคุยกับคุณลุงจอห์นอยู่นั้น ภรรยาของลุงก็เดิงลงมาจากชั้นบนของบ้านเข้ามาทักทายคุณจอห์นแนะนำให้ผมรู้จักกับเธอ คุณป้าเป็นคนน่ารักและจิตใจดีมาก ทั้งสองคน ผมยื่นที่ขั้นหนังสือให้ ทั้งสองดีใจมาก คุณป้าชวนผมคุยเรื่องต่างๆ เธอเล่าถึงความบังเอิญว่าเธอมีหลานสะไภ้เป็นคนไทย ชื่อ นูนี่ เธอชวนผมไปดูแผนที่และชวนคุยเรื่อราวต่างๆเกี่ยวกับประเทศไทย อเมริกา บทสนทนาของเธอช่างเป็นกันเองและรอยยิ้มจากใบหน้าของป้าแสดงความเป็นมิตรอย่างมาก เธอพยายามติดต่อคุณนูนี่ เพื่อที่จะให้เขาได้รู้จักกับผม ผมคุยกับคุณนูนี่ แนะนำตัว รวมถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคุณลุงคุณป้าทั้งสองคนให้คุณ นูนี่ ฟัง ผมแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกับคุณนูนี่ ก่อนที่จะยื่นโทรสับไปให้คุณป้า Louise คุณลุงคุณป้าทั้งสองชวนผมคุยเรื่องต่างๆ รวมถึงความเป็นไปเป็นมาของผมที่มาที่อเมริกา เรื่องราวที่ผมเตรียมมาเมื่อคืน ถูกบทสนทนาของคุณป้ากลบมิด แทบไม่ได้นำมาใช้เลย พอคุยได้สักพักสองสามีภรรยาชวนผมไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ยินดีครับผมม ก่อนที่คุณป้าจะขอตัวไปแต่งตัวข้างบนบ้านก่อน ผมกัยคุณจอห์นเดินไปที่รอโรงรถ โหวประตูโรงรถของคุณลุงใช้ระบบ รีโมตอัตโนมัติเปิดเลื่อน ไฮเทคมาก :) คุณลุงขับมารับป้าหน้าบ้าน ทั้งของพาผมไปยังร้านอาหาร โหวว นานมากทีเดียวที่ผมไม่ได้กินอาหารดีขนาดนี้ ปกติผมกินแต่ไก่กับมันบดที่ เคเอฟซีโดยมีเวลา สิบห้านาทีขณะพักเบรคเท่านั้น ร้านอาหารปุ๊ฟเฟ่ไสตล์อเมริกัน พร้อมอาหารหลากหลายชนิดทั้ง คาวและหนาว คุณลุงคุณป้า เดินพาผมแนะนำอาหารต่างๆ ผมช่างโชคดีอะไรขนาดนี้ ผมขอบคุณคุณลุงคุณป้าอย่างซาบซึ้ง ทั้งสองก็ดีใจที่พบผม และทั้งสองน่ารักมาก ขณะรับประทานอาหารที่โต๊ะแสดงความสวีตผมแอบมองแล้ว ยิ้มในใจ น่ารักจริงๆคู่นี้ ทั้งสองเล่าว่า เขาไม่มีลูก เอ๋หรือผมฟังผิดน๊า แต่ก็น่าจะประมาณนั้น มื้อนี้วิเศษมากครับ :) ตบท้ายด้วย ไอครีม ก่อนที่คุณลุงคุณป้าและผมจะออกจากร้าน และมุ่งสู้บ้านของทั้งสอง เหมือนกับจะนัดคนไข้ไว้ คุณป้าบอกให้คุณลุงพาผมไปส่งที่บ้าน ไม่เป็นไรครับผมเดินกลบได้เพราะหอผมอยู่ตรงข้างฝั่งถนนเยื้องไปหน่อยเดียว ผมซาบซึ้งมากครับบ ไม่รู็จะตอบแทนยังไง ถ้ามีโอกาศมาเที่ยวเมืองไทยอย่าลืมติดต่อผมมานะครับ  ขอบคุณคร๊าบบ :)

4/10/2011

:D

          วันนี้ก็คงเหมือนกับวันก่อนๆ ผมทำงาน บ่านสามโมงครึ่ง บ่ายโมงสี่สิบห้าผมออกมายืนรอรถเมย์ที่ป้ายรถเมย์ป้ายเก่าตามเคย ในขณะที่ผมยืนรอสักพัก ชายคนหนึ่งเปิดประตูออกมาทักผม ผมยิ้มกลับ จากนั้น ชายคนนั้นก็เดินออกจากประตู ตรงเข้ามาหาผม วันนี้เป็นไงบ้าง ผู้ชายคนนั้นทักผมตามมารยาทของชาวอริกัน เขาถามผมหลายประโยค เหมือนกับกำลังเตือนความจำของเขาและบางคำถามผมก็รู็สึกคุ้นเคย ก่อนที่ชายคนนั้นบอกว่า ให้ผมมาเที่ยวบ้านเขาบ้าง  และภรรยาของอยากพบผมเหมือนกัน คุณจอห์นใช่ไหมครับ ผมลืมหน้าคุณจอห์นไปเลย ใช่แล้ว ชื่อ อุ๋ยใช่ไหม? ครับผม ไว้วันว่างๆแวะมาดื่มกาแฟ น้ำชาที่บ้านผมได้นะ ในขณะที่ยืนคุณกับคุณจอห์นอยู่นั้น รถเมย์ก็มาจอดที่ป้ายพอดี คุณจอห์น จับมือ วันไหนว่างให้มาหาที่บ้านได้เลย ก่อนที่จะเดินกลับเข้าบ้านไป  ผมก้ามขึ้นรถ และทักทายกับ คนขับรถเมย์สายเก่าที่คุ้นเคย...  ดีเหมือนกันแฮะ วันอังคารหน้าเป็นวันหยุดของผม ไงผมจะลองไปที่บ้านคุณจอห์นดูครับ  ไม่รู้จะวางตัวยังไง และจะคุยเรื่ออะไรดี ภาษาอังกฤษก็อยู่ในระดับพื้นฐาน ทีแรกผมตั้งใจจะเอา ของฝากที่ผมซื้อจากถนนคนเดินไปให้เป็นการขอบคุณ แต่ไม่มีโอกาศซักที  ขอบคุณครับ คุณจอห์น และภรรยา ที่เอ็นดูผม :) 

4/09/2011

เงินเดือนออกแล้ว

        ช่วงนี้ผมไม่ได้มาเขียน Mr.Oui บ่อย เพราะว่าไม่มีเรื่อวราวที่น่าสนใจที่จะเอาลงมาเขียน เพราะงานก็ลงตัวแล้ว ทำทุกอย่างคล่องขึ้นแล้ว ชีวิตแต่ละวันก็เหมือนเดิมครับ ตื่นนอนตอนเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน ไม่อาบน้ำนะครับ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีเหงื่อ อยู่ได้สบาย เพราะก่อนนอนอาบน้ำแล้ว แฮะๆ ส่วนใหญ่งานจะเริ่มบ่านสามโมงบ้าง ห้าโมงเย็นบ้าง มีวันหนึ่งสิบโมงเช้า เลิกสี่ทุ่มครึงทุกวัน ช่วงเช้าก็เล่นเนต พอประมาณสักบ่ายโมง ผมจะไปรอรถเมย์ ผมจะไปนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมติดตัวมาด้วยในโซฟานุ่นๆที่ห้าง Gateway mall ทุกครั้ง ก่อนเวลางานประมาณ ชั่วโมงบ้างสองชั่วโมงบ้าง สามสิบนาทีก่อนทำงานผมจะไปกินอาหารปุ๊พเฟ่ฟรีที่ร้าน KFC เพราะเขาอนุญาติให้ลูกจ้างกินอาหารฟรีหนึ่งมื้อ กินเสร็จทำงาน clock in เข้าทำงาน เริ่งจากทอดไก่ ใกล้ทุ่มก็เริ่มล้างจาน ล้างทุกอย่าง ราวกับทำ Big clearning everyday โดยคนคนเดียว ชาม ถาด หม้อ ตะแกรง มีอะไรขนมาให้หมด :) เสร็จล้างจานเช็ดโต๊ะทอดไก่ คราบแป้งติดหนึบใช้ได้ทีเดียว ล้างโต๊ะเสร็จ  ขัดพื้น ถูพื้น  ถ้าวันไหนไม่ได้ล้าง จะล้างถังน้ำมันทอดไก่ 6 ถัง และ ถังทอดเฟนฟาย 4 ถัง และก็ทิ้งขยะ เสร็จงานสี่ทุ่มครึ่ง Clock out นายจ้างมาส่งที่หอ อาบน้ำเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ เพราะมอบแมมใช้ได้ทีเดียว เปิดคอมเล่นเนตติดต่อเพื่อนๆ เป็นเช่นชี้ทุกวันครับ ผมสนุกกับทุกวัน งานก็ทำไปเพลินๆ จนในที่สุดเงินเดือนรอบแรกก็ออกมาแล้ว เงินจะออกทุกสองอาทิตย์  รอบนี้ผมได้ไป 549.65 เหรียญ ครับ  แต่เสียค่าห้องไปก่อนหน้า 200 เหรียญ ค่าอาหารแทบไม่ได้ซื้อกิน ร้าน Soup cafe คือสวรรค์ของผมแท้ๆ :)

4/02/2011

จดหมายถึงพ่อ (ฉบับที่ 1)

          กราบเท้าคุณพ่อและคุณแม่ที่เคารพอย่างสูง
                      
                       จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายฉบับแรกที่ผมเขียนถึงพ่อและแม่นะครับ อาจจะดูเป็นทางการมาก (มากไป :)  ผมรู้ว่าพ่อเข้ามาอ่าน Mr.Oui อยู่บ่อยๆใช่ไหมครับ แต่ไม่เห็นเคยเห็นคอมเมนต์เลยย เมื่อวานเหมียวบอกอุ๋ยว่า พ่อลืมวิธีคอมเมนต์ที่อุ๋ยเคยสอนไป :)  แต่ไม่เป็นไรครับแค่เข้ามาอ่านบ่อยๆ ก็พอแล้ว พ่อกับแม่สบายดีไหมครับ เป็นเก๊าบ่อยไหมพ่อ ดูแลสุขภาพกันด้วยเด้อสองตายาย อย่างอนกันบ่อยหลาเด้อ ผมอยู่ที่นี่สบายดีครับ งานที่ KFC ก็เริ่มลงตัวแล้ว กับเพื่อนร่วมงาน คริสตัล ก็กำลังดีขึ้นทำงานไปได้สวย ที่นี่คนใจดีครับ ให้ช่วยเหลือดีมาก เวลาเราเข้าไปถามหรือขอความช่วยเหลือ ที่นี่มีร้านอาหารกินฟรีอย่างที่ Mr.Oui ได้ว่าเอาไว้ ที่พักก็สบายมีห้องโถงใหญ่หนึ่งห้องมีที่ดูโทรทัศน์ เตาแก๊ส เครื่องครัวครบ แต่ไม่เคยทำอาหารกันเลย น้องสองคนต้มมาม่ากัน มีหนึ่งห้องน้ำ สองห้องนอน น้องรูมแมทอุ๋ยเรียนอยู่ปีสองที่กรุงเทพ คนหนึ่งเรียนวิศวกร อีกคนเรียน นิติศาสตร์ครับ น้องสองคนอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนอุ๋ยอยู่อีกห้องหนึ่ง ความเป็นอยู่ที่นี่สบาย ส่วนงานก็ ล้างจาน ถูพื้น ทอดไก่ ล้างอ่างน้ำมัน ชิวๆ ทำไปเพลินๆครับ ที่นี่หิมะเลิกตกแล้ว สองสามวันก่อนเริ่มมีแดดออกบ้างแล้ว กำลังจะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิครับ แล้วที่บ้านเราจะเป็นไงบ้างน้อ เห็นบูบอกว่าหนาว อย่างไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ พ่อกับแม่  ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้เป็นอย่างดีไม่ต้องเป็นห่วงเด้อ  พ่อปริ้นไปให้แม่อ่านด้วยเด้อ
           
                                                                 ด้วยความเคารพอย่างสูง
                                                                 นายปิยะชาย สุวรรณไตรย์ :)

3/29/2011

ช่วยงานสาขา south store

            ปกติวันนี้เป็นวันหยุดของผมตามตาราง แต่ว่าสาขาสองคนลาออก ผมจึงถูกเรียกไปทำงานที่สาขาสอง south store ซึ่งเป็นสาขาในการดูแลของครอบครัวจอห์นและไอแอน โดยลูกสาวเคร่า เป็นผู้จัดการ สาขา south จะไม่ค่อยวุ่นวายและยุ่งเหมือนสาขาที่ผมกับวินทำอยู่ปกติ  สันน้องคนไทยทำงานที่สาขานี้เป็นประจำ  การทำงานในสาขานี้ จึงสบายและไม่เร่งรีบเหมือนสาขา North store ที่ผมทำอยู่ เคร่าและเพื่อนร่วมงานที่นี่สนุกสนาน หยอกล้อกันเป็นปกติ จึงทำให้ผมและสันทำงานเสร็จเร็วกว่าปกติ วันนี้ผมได้เห็นความแตกต่าระหว่าสองสาขาซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของครอยครัวเดียวกัน สาขา North store เป็นสาขาที่ได้รับรางวัลหลายอย่าง ด้วยอยู่ในเขตที่คนเยอะกว่าจึงทำให้การทำงานที่นี่ค่อยข้างเคร่งครัด รวดเร็ว เพื่อนร่วมงานที่นี่ค่อยข้างจริงจัง จอห์นคงบคุมด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่  ต่างจากสาขาที่ south มาก แต่ที่นี่ก็มีระเบียบและความสะอาดไม่แพ้กัน  ..... 

3/28/2011

นายจ้างจอมเหี๊ยบและหัวหน้างานจอมเจ้าเลย์ (ผู้ไล่ล่าและผู้ถูกล่า)

              จอห์นและไดแอน สองสามีภรรยาวัยกลางคนผู้จัดการใหญ่ของร้าน KFC ที่ Bismarck  จอห์น ชายวัยกลางคนรูปร่าง อ้วนใหญ่ มองไปคล้าย แฮกริด ในหนังแฮร์พอตเตอร์ เล็กกว่า แต่ความใจดีนั้น ช่างต่างจากแฮร์กริดลับลับบ  จอห์นและไอแอนผมสัมผัสได้ว่า คนสามีเป็นคนจิตใจดีทีเดียวนะ แต่ตอนทำงาน สองคนนี้จะปลี่ยนไปทันที ดุ หน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ทำไรผิดพลาด ขึ้นมาหละก็น่าดู  ซึ่งวันแรกๆ ภาษาอังกฤษของผมคงทำให้คุณจอห์นฉุนไปหลายตลบ งานยังไม่เข้าท่า เมื่อสองวันก่อนเป็นวันแรกที่ผมเข้ากะเช้าสิบโมง ผมต้องทอดไก่ทุกชนิดคนเดียวให้เสร็จภายในสิบเอ็ดโมง ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนว่าต้องเตรียมทุกอย่างให้เสร็จก่อนสิบเอ็ดโมง อีกทั้ง นี่ผมสั่งคุณมาสามรอบแล้ว ให้ทำ เฟย์ โดนดุเข้าไป ความตึงเครียดคืบคลานเข้ามาหา  แต่ผมก็ยิ้มในใจว่า  ดีแล้วได้มาเจออะไรแบบนี้  จอห์นส่ายหน้า ทำงานทุกอย่างที่นี่แข่งกับเวลาเอาทีเดียว ทุกครั้งที่ผมเดินเข้าร้านมาทำงาน พอ clock  in  คือ เริ่มกดเวลาทำงาน ห้าชั่วโมงผมแทบไม่ได้หยุดทำงาน  ทอดไก่ ตามออร์เดอร์เสร็จ พอทอดไก่เสร็จ ต้องมาล้างจานไว้ เพราะถ้างั้นมันจะสะสมมหึมาตอนเย็นเสร็จๆ ล้างจานไม่ทันเสร็จดีต้องกลับมาทอดไก่ ทิ้งขยะ ทำตัวอะเริศ ^^ อยู่ตลอดเวลา จัดสรวรเวลาว่าต้องทำไรต่อไป ให้งานเสร็จทันเวลา เพราะไม่งั้น ไม่ต้องถามถึงคำตอบ   ห้าชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนก็หก แต่ทำไปมันก็เพลินๆดี งานก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไรเมื่อเทียบกับ ชาวนาหรือกรรมกรแบกหาม และก็เอาการทีเดียว :D การทำงานเป็นระวิงและเจอเจ้านาย จอห์นหน้าเครียดผมไม่ได้เกียงบางทีผมกลับชอบด้วยแฮะ แต่ที่ทำให้ผมตะงิดนิดๆ คือ  หัวหน้าจอมเจ้าเลย์ คริสตัล สาวห้าว หัวหน้างาน เธอเป็นคนเฮฮา โผงผาง ผมสัมผัสได้ถึงความหัวหมอและเล่เหลี่ยมของเธอ แต่ก็อย่างว่า ด้วยบุคลิคของผมเอง ผมอาจจะดูซื่อไป ผมรับรู้ทุกอย่าง แต่ก็ยอมๆไป เมื่อสาองวันก่อน เวลาผมตามตารางต้องเลิก 9.30 ผมยังทำงานไม่ทันเสร็จ ช่วยเพื่อนร่วมงานอีกคน จนเสร็จ 10.30 คริสตัล เธอแอบ clock out เวลาของผมที่เครื่องลงเวลาเข้างานออกงาน พอผมไปกดเวลาออกงานของผม เครื่องบอกว่า ผมได้กรอกเวลาหยุดงานไปแล้ว ผมเดินไปถามเธอ เธอทำไม่รู็ไม่เห็น ไม่ได้คำตอบจากเธอ เธอทำงานของเธอต่อ  สักพัก ผมเดินเข้าไปถามเธออีกครั้ง ได้คำตอบแบบรัวภาษาอังกิดใส่ ผมไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้สึกได้ว่าประโยคที่เธอกำลังพูดใน ไม่ใชแง่บอกแน่ๆ :D   วันรุ่งขึ้นผมไปถามไดแอนนายจ้าง ผมขอดูเวลาที่ผมทำงานเมื่อวานได้ไหมครับ เธอก็เปิดโปรแกรมเวลางานให้ผมดู ผมโดนคริสตัลแกล้งเข้าแล้วสิ ในใจผมบอกว่า ก็ดีเหมือนกันแฮะ เจอคนแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ ถ้าไม่เจอตอนนี้  วันข้างหน้าในที่ทำงาน มันต้องมีคนแบบนี้แน่ วันนี้ เธอมารับผมและวินเพราะวันอาทิตย์จะไม่มีรถเมย์ เธอถามน้องวินว่ามีตังคืสามสิบเรียญรึป่าว เธอจะเติมน้ำมัน เอะคำพูดเธอจะเชิงยืมตังค์รึป่าวหน้า สองแหงาสองง่ามจริงๆ ผมและน้อง ออกกันคนละสามสิบ และถามกันว่า จะได้คืนรึป่าว  คำตอบมันชัดอยู่แล้วว่าคงไม่ได้คืน  สัน น้องคนไทยที่ทำงาน KFC คนละสาขาแต่พักที่เดียวกัน พาร์ทเน้อฝรั่งมาทำดีด้วย วันว่างชวนไปดื่มเบียร์ที่หอ และขอยืมตังค์ห้าสิบเหรียญ วันต่อมา ไดแอนเรียกเราสามคนมาคุย เรื่องที่ผ่านมาทั้งอาทิตย์ เตือนพวกเราว่า สิ่งที่ทำในเมืองไทยได้มาที่นี่บางอย่างไม่ควรทำ และ วันนี้ คริสตัลมาส่งผมกับบวินกลับถึงหอ คริสตัล ฝากบอกวันว่าให้ห่างจาก คริส พารืทเน้อของสัน เพราะว่า คริส กำลังเป็นผู้ล่า สันอยู่ เขาใช่ให้ทำงาน สั่งให้ทำงาน คริสตัวเธอกำลังจะล่าผมอยู่ต่างหาก     ....... 

3/24/2011

Snow man and Soup cafe

 วันผมตื่นเช้าเช่นเคยพร้อมอาการหนักหัวนิดหน่อยคล้ายจะเป็นหวัด จัดยาแก้ไข้ดักไว้ สองเม็ด ก่อนจะนอนพักซักชั่วโมง ก่อนถึงเวลา บ่ายโมง  เทียงแล้ว พี่อุ๋ยไปซุปคาเฟ่ไหม! สันน้องคนไทยที่มาพักด้วยกันเรียก น้องสองคนไปก่อนเลยครับเดียวพี่ตามไป สักพักผมใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา ร้องเท้า ไปที่ร้าย soup cafe วันนี้หิมะไม่ตกแล้วเหลือไว้แต่กองหิมะที่สูงจนถึงเข่าเลยที่เดียว บนถนนจะมีรถไถหิมะ เพื่อที่จะโกยหิมะออกจากถนน ผมเดินตามถนนไปจนถึงร้าน เปิดปะตูเข้าไปรับความอบอุ่นภายในร้าย สันและวิน นั่งกินซุปกันอยู่กวันนี้น้องสองคนมีงาน ผมว่างครับ ผมเดินไปสั่งซุปกับคุณ มาร์ค หนึ่งถ้วย แล้วมานั่งทานซุปกับน้อสองคน ภายในร้าน มีคุณ ทอมมี่ที่เป็นลูกค้าประจำ คุณทอมมี่เป็นชายวันกลางคน หน้าตาคล้ายกับคนอินเดียแดงที่เป็นชนพื้นเพของอเมริกัน คุณทอมมี่ผมยาวปะปา เคยเป็นทหารนาวิกโยทิน แต่ตอนนี้เขาเป็นคนไร้บ้าน เมื่อหกเดือนก่อนโดนชกเข้าที่คางทำให้ต้องดามฟันโดยใส่เหล็กดัดกรามทั้งฟันเอาไว้ ทำให้พูดอ้าปากไม่ได้ แล้วผมจะเข้าใจได้ยังไง ^^ คุณทอมมี่ยิ้มและพูดทักทายเราสามคน โดยที่มีวินคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ทอมมี่ทำเอาผมกะสันอึ้งไปเลยทีเดียวครับ  โต๊ะที่ผมนั่งมีคุณลุงใจดีคนหนึ่งผมจำชื่อลุงไม่ได้แล้ว ยิ้มทักทายพวกผม ในขณะที่คุณ มาร์คกำลังตักซุปให้กับลูกค้า และ ฝรั่งอีกสองคนกำลัง ล้างจาน ที่เคาท์เตอร์ร้าน ถึงเวลาที่น้องวินกับสันจะไปทำงานแล้ว พวกเราเก็บถ้วยซุปไว้ที่เก็บชาม เมื่อน้องๆเดินออกจากร้านไปเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปทำงาน  "ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ " ผมขอนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับลุงใจดีคนนั้น ได้เลย! คุณลุงเป็นชายวัยเริ่มต้นแก่ ^^ ร่างท้วม พุงอ้วน ตัวล็ก หน้าตาท่าทางใจดีมากก  ผมแนะนำตัวกับลุงว่าผมเป็นใคร คุยกับลุงได้พัก ก่อนน้องวิน และสันจะกลับเข้ามาที่ร้าน คุณลุงเล่าเรื่องราวของคุณลุง ให้ฟัง คุณลุงกำลังจะเตรียมเปิดบ้านสงเคาระห์เด็กกำพร้า โดยมีแผลนไว้ว่าจะเปิดทั่วโลกเลย โดยจะเริ่มจาก ไอริสเป็นประเทศแรก คุญลุงเล่าเรื่องราวของความเชื่อต่อพระเจ้าให้ฟัง หลายอย่างเกี่ยวกับความเมตตาของพระเจ้า ที่ท่านเคารพให้เราสามคนฟัง ก่อนที่ คุณน้าทอมมี่จะเข้ามาร่วมวงสนทนากับเรา ผมฟังลุงใจดีพูกรู้เรื่องพอจับใจความได้ ว่าคุณลุงกำลังเล่าอะไรให้ฟัง  ส่วนใหญ่ ผมจะส่งรอยยิ้มมากกว่าพูดตอบกลับบทสนทนากับคุณลุง ก่อนที่คุณมาร์คจะเข้ามาสมทบวงสนทนาของพวกเรา คุณมาร์คครับ  วันนี้ผมต้องทำอะไรบ้างครับ ก่อนที่คุณมาร์คจะขออนุญาติพาผมออกจากวงสนทนา ผมเดินตามคุณมาร์คออกมาที่เคาท์เตอร์ร้าน  ในขณะที่ น้องวิน น้องสัน คุณทอมมี่ และคุณลุงใจดีกำลังแลกบทสนทนา คุณมาร์คเริ่มสอนงานต่างๆภายในร้ายให้ผม ตั้งแต่ให้ผมใส่เอี้ยม อ้าวนี่ผมเหมือนเป็นเจ้าของร้านกาแฟเลยครับ ผมบอกคุณมาร์ค ก่อนที่คุณมาร์คจะพูดว่า เอ็กแซกรี่! ^^ คุณมาร์คสองวิธีขั้นตอนการล้างจาน การวางถ้วน แก้ว  บนชั้นวางต่างๆ ผมจัดการล้างถ้วยล๊อคแรกเสร็จ จากนั้นคุณมาร์คพาผมไปที่โต๊ะนั่งที่ลูกค้าเพิ่งเดินเข้ามา สอนวิธีการพูดในการรับสั่ง ออร์เดอร์โดยรอบแรกคุณมาร์คจะทำให้ดูก่อน และแนะนำผมเรื่องรายชื่ออาหารในร้านวันนี้ การตักซุป สอนทำ แฮม  แซนวิส และนำไปเสริฟ สนุกจัง เหมือนเป็นเจ้าของร้านกาแฟเลย หลังจากนั้นลูกค้าก็เริ่มเข้ามานร้านตลอด ผมเริ่มชินกับการเข้าไปรับออร์เดอร์ ตักอาหาร ทำแซนวิส และแฮม เวลาว่างจากการรับออร์เดอร์ ผมก็นำจานที่ชั้นวางจานที่ลูกค้าจะนำไปเก็บเองมาล้าง ชัดโต๊ะ กและมานั่งร่วมวงสนทนากับคุณลงใจดีที่กำลังนั่งคุยกับลูกค้าที่มาคนอื่น ในขณะที่ วินและสัน ไปทำงานเรียบร้อยเลย ผมได้อาศัยกิน ซุป ขนมเค๊ก ส้ม และน้ำที่ร้านซุปคาเฟนี่ฟละครับ ก่อนที่จะมี เพื่อนของคุณมาร์ค เข้ามาชายหนุ่มวัยกลางคนผมจำชื่อไม่ได้เข้ามาทักทาบกัยคุณมาร์ค กจากนั้นคุณมาร์คแนะนำผมให้รู้จัก ผมจำคร่าวว่าชื่อ เดฟ รึป่าวผมไม่แน่ใจ ขอเรียกว่าคุณเดฟหละกันครับ คุณเดฟใจดีมากกก ผมแนะนำตัวกับคุณเดฟ ผมมาจากประเทศไทยครับ อ๊าว ทำไมเลือกมาที่ นอร์ทดาโคต้าหละ?  ผมอยากเห็นหิมะครับ  ว๊าว! คุณเดฟ ชวนผมไปปั้น snow man ไปครับ ^^ ผมใส่เสื้อโค๊ชและตามลุงเดฟออกไปข้างนอกร้าน snowman ฝีมือผมกับคุณเดฟ เดฟถ่ายรูปให้ผมกับหนุ่มน้อย snow man ที่ผมปั้นขึ้นในมือถือผม และเดินเข้ามาในร้าน อวดคุณมาร์ค คุณเดฟเข้ามาคุยกับผม ผมบอกว่าอยากมาเรียนภาษาอังกฤษ ระหว่างที่ล้างจาน คุณเดฟสอนคำศัพท์ต่างภายในล่างล้างเตอร์ให้ผม แฮะๆ ลูกค้าทยอบหมุนเวียนเข้ามาในร้าย ทั้งเด็กน้อยและผู้ใหญ่ เกือบทุ่มแล้ว ลูกค้าคนอื่นหลับหมด เหลือกลุ่มเด็กน้อยไฮสคูล คนเจ็ดคน น้องวินที่ตามเข้ามาทีหลังโดยกลุ่มเด็กไฮสคูลชวนไปสูบซิกกาแรทข้างนอกร้าน คุณมาร์คกำลังจัดเก็บของในร้าน คุณเดฟกำลังจัดการกับซุปที่เหลือ และผมเช็ดโต๊ะอาหาร ร้านปิดทุ่มหนึ่ง คูณเดฟอาสาขับรถพาผมและวินไปส่งที่หอ ผมออกไปตามวิน ที่กำลังสูบซิกาแรทกับกลุ่มเด็กน้อยวันกำลังจะรุ่นนอกร้าน วินขอเดินกลับเอง สาวน้อยยิ้มทักทายเมื่อผมเดินเข้าไปหาและชวนผมสูบบุหรี่ ผมบอกว่าผมไมสูบครับ สาวน้อยตกใจ แปลกใจที่ผมไม่สูบและกล่าวขอโทษ ขอกอดได้ไหม? สาวน้อยถามผม ได้ครับ ก่อนที่เด็กน้อยจะเข้ามากอดและบายๆ ^^ ผมเดินกลับเข้ามาที่ร้าน ร่ำลาคุณมาณ์ค คุรมาร์คขอบคุณผมสำหรับงานหนักวันนี้ ผมยิ้มและยินดีครับ ซิกฉอนบายๆ แล้วตาามคุณเดฟขึ้นรถ มาส่งที่หอครับบบ  วันหน้าผมขอมาทำงานช่วยอีกนะครับ  :D

พายุหิมะ พาหยุดงาน

          พี่อุ๋ยหิมะตกแล้ว!!  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหิมะตก ก่อนหน้านี้เห็นแต่กองหิมะขาวโพลนทัวเมืองที่เป็นอนุสรว่าหิมะได้ตกมาไม่กี่วัน แต่วันนี้  ปุยหิมะที่ค่อยปลิวตกมากจากอากาศ ปลิวร่วงมากองรวมกันทำให้เมืองทั้งเมืองขาวโพลนไปหมด อากาศแห้งมาก ลม เม็ดหิมะ หิมะปกคลุมทั้งรถที่จอดริมถนน ม้านั่งริมข้างทางต้นไม้ หลังคาบ้าน ภาพที่เห็นช่างสวยงามและดูสะอาดตาจริงๆ ผมเปิดผ้าม่านหน้าต่างออกมาดู ก่อนกลับเข้าไปที่ห้องใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา ถุงเท้า สวมรองเท้าหนัง มุ่งสู่ร้าน soup cafe หาซุปกินอุ่นๆดีกว่า ร้านซุปคาเฟ่เป็นร้านเปิดมาได้สองปี โดยคุณ Marck และเพื่อน ช่วยกันเปิด เพื่อให้คนไร้บ้าน หรือที่เรียกว่า homeless หรือ ผู้คนในเมือง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ามากิน อาหารฟรี ผมเข้าไปกินซุปซักถ้วย ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้าที่จะเข้ามากินซุปที่ร้านคนเดียว อาย และกลัวการพูดคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง ผมตัดสินใจเข้ามาที่ร้าน กินซุปเสร็จ คุณมาร์คครับ ผมมาจากประเทศไทยครับ ฯลฯ ผมแนะนำตัวเอง ผมขอมาอาสาช่วยงานที่ร้านได้ไหมครับ คุณมาร์คตอบว่า  ยินดีครับ งั้นพรุ่งนี้ผมเริ่มได้เลยนะครับ  พอกินซุปเสร็จแล้ว ผมก็เดินมารอรถเมย์ที่ป้ายรถเมย์ที่เก่าเพื่อที่จะไปทำงาน ถึงร้าน KFC วันนี้หยุดเพราะพายุหิมะตกหนัก! แสดงว่าผมก็ต้องกลับหอใช่ไหม โอเคครับผมก็เดินออกมจากร้าน เพื่อจะมารอรถเมย์กลับ  ห้อง ปรากฎว่า หิมะตกหนักมาก ทั้งลมเย็นยะเยือก ผมรีบวิ่งไปที่ป้ายรถเมย์ ป้ายรถเมย์ที่นี่คล้ายกับป้ายรถเมย์บ้านเราแต่จะมีที่บังลมหิมะด้วย  ผมยืนที่ป้านรถเมย์ท่ามกลางลมที่พัดหิมะปลิวว่อน รวมถึงปุ่ยหิมะที่ล่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนัก สักพัก คริสตอล พนักงาน KFC ที่ร้านขับรถมาจอดที่ป้ายรถเมย์ เลื่อนกระจกหน้าต่างรถลง  ขึ้นรถเร็วเข้า!  ก่อนที่ผมจะรีบวิ่งเข้าไปในรถ คริสตัล สาวห้าว อาสาพาผมไปส่งที่หอพัก ระหว่างทางพายุหิมะตกหนักทำให้การจรสจรใน บริสมาร์คติดขัดนิดหน่อย ก่อนผมจะกลับเข้ามาที่ห้อง พร้อมกับอาการ หนักหัว เหมือนจะไม่สบาย เนืองจากยืนตากอากาศหนาว ท่ามกลางหิมะตก ที่ป้ายรถเมย์  วิน วันนี้พี่ไม่ได้ทำงางน วิน น้องคนไทยที่ทำงานที่เดียวกับผมซึ่งวันนี้ในตารางานน้องเขาหยุดอยู่แล้ว  แล้วผมจะกินอะไรหละวันนี้ กะไปกินที่ ร้านอย่างเดียวเลย  ความหิว น้องและผมจึงตัดสินใจ สั่ง Papa Jhon ซึ่งเป็นพิซซ่าขอเมริกา คล้ายกับพิซซ่าหัส 1112 บ้านเรา แต่ที่นี่จะสั่งออนไลน์ทางอินเตอร์เนต สามารถแต่งหน้า เลือกหน้าเอง ในอินเตอร์เนต คล้ายกับกำลังเล่นเกมออนไลน์เลย พอสั่งเสร็จ 30 นาทีผ่านไป พนักงานส่งพิซซ่ามาเคาะห้อง 13 ดอลล่า สำหรับพิซซ่ามื้นี้ เป็นครั้งแรที่ผมเสียเงินกับการซื้ออาหาร นับตั้งแต่มาอยู่อเมริกา กินเสร็จผมขอตัวเข้านอนก่อนดีกว่า เพราะรู้สึกหนักๆหัวยังไงชอบกล พรุ่งนี้ที่ผมรอคอยคือ   "Soup cafe "  เข้านอนดีกว่า  ^^

3/22/2011

พนักงาน KFC ตอน จานมหึมา กับปิศาจถังน้ำมัน ^^

       สี่วันของการได้มาเป็นพนักงาน KFC มันไม่ไดง่ายและยากเกินไปอย่างที่เราคาดไว้ วันแรกทางหัวหน้างานจะมีพาร์ทเนอร์สอนงานต่างๆให้เรา เริ่ม การทอดไก่ ไก่จะมีสี่แบบ Original, Strippy, Script และ fade และแป้งจะมีสองแบบ คือแป้งสำหรับ ทำ Original และ fade เป็นแป้งอันเดียวกัน ส่วน strippy และ Script ใช้แป้งอันเดียวกัน ขั้นตอนก็คือ เราต้องเตรียมถาดไก่ แบบ Original ไว้ในตู้อุ่น 3 ถาด Strippy 2 ถาด ส่วน Script และ fade จะทำได้ก็ต่อเมื่อ พนักงานขายข้างจะสั่งมา วิธีการทอดไก่ คือ นำไก่จากถุงในห้องเย็นซึ่งเป็นห้องเก็บไก่ที่ส่งมาจากฟาร์ม ถึงภายในห้องเย็นนั้น ถุงไก่จะมีสองสี สีแดงและน้ำเงินสำหรับทำ Original และ Strippy สีน้ำเงิน บรรจุ อก ปีก น่อง ขา ถุงสีแดงบรรจุ เฉพาะ น่องกับขา ถุงสีเขียวเป็นไก่แผ่น สำหรับทำ fade และ ถังสีขาวบรรจุชิ้นเนื้อไก่หั่นยาว การเลือกหยิบสีถุงไก่ขึ้นอยู่กับเราพิจารณาว่าในตู้แบบในใกล้หมดแล้ว เมื่อหยิบถุงไก่ออกมาจากห้องเย็นเพื่อทำ  Original หรือ Strippy  ก็เดินไปที่ถังแป้งชุบไก่ซึ่งมีสองฝั่ง ฝั่งแป้งทำ Original และ  fade ใช่ถังแป้งเดี่ยวกันซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ ถังแป้งสสำหรับทำ strippy และ Script  ภายในพื้นที่สำหรับชุบไก่ จะมี ตะแกงทรงกลมสามชั้นคล้ายกรงนกที่สามารถแยกเปิดเป็นสองฝาครึ่งวงกลม เรากางกรงห้อยไว้ข้างหน้าเตรียมสำหรับวางชิ้นไก่ มีอ่างล้างไก่ ถังแป้ง เมื่อล้างไก่ผสมแป้งเสร็จวางไว้ในกรงแล้วก็นำไปแช่ไว้ไนถังน้ำมัน ซึ่งมีวิธีการทอดแตกต่างกันไป ทั้งวิธีการทอดและอุณหภูมิที่ทอดโดยจะมีปุ่มกดให้เราเลือก เมื่อถึงเวลาที่เครื่องตั้งไว้เสร็จแล้วก็นำเหล็กที่สำหรับยกกรงตะแกงออกมาจากถังน้ำมันยกมาข้างไว้ในสะเด็กน้ำมันจากนั้นนำกรงตะแกงมาห้อยไว้ข้างบนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าตู้อุ่นขนาดใหญ่ แขวนกรงตะแกงไว้โดยแยกกออกเป็นครึ่งวงกรมจากนั้นหยิบไก่ออกมาวางไว้ในถาด เขียนเวลาขณะทอดไก่เสร็จติดไว้และนำไปไว้ในตู้อุ่นเพื่อรอคำสั่งจากพนักงานขายหน้าร้าน เมื่อพนักงานขายเรียกว่าต้องการไก่แบบไหน เราก็หยิบออกจากตู้อุ่นไปวางไว้ที่หน้าเคาท์เตอร์ชั้นวางไก่ข้างหน้าและกลับมาทำต่อเตรียมไว้ เช่นนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อวางจากการทอดไก่ที่้ตรียมไว้เสร็จต้องมาล้างจานที่พนักงานอีกคนจะนำจานจากหน้าร้านมาวางไว้ในอ่างล้างจาน อ่างล้างจานจะมีสามอ่าน สองอ่างไว้สำหรับล้างและอีกอ่างใช้สำหรับฉีดหัวฉีกที่แรงมากพ้นน้ำสะอาดล้างอีกทีหนึ่ง ในช่วง ห้าโมงเย็นถึง สองทุ่มจานที่มาล้างจะทยอยมาเรื่อยๆ แต่ช่วงเวลานี้จะวุ่นวายกับการทอดไก่เตรียมไก่ และถ้าหากพอมีเวลาว่างเพียงเล็กน้อยเราก็มาล้างจาน พนักงานหลังล้าน ทอดไก่จะมีเพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งทอดเอาไปแช่ถังน้ำมัน อีกคนหนึ่งพอถังน้ำมันส่งสัญญานบอกเวลาทอดเสร็จแล้วต้องคอยนำออกมาเก็บใส่ถาดนำไปเก็บไว้ในตู้อุ่นคอยรับออร์เดอร์ บางทีอีกคนทำไก่อยู่ อีกคนต้องมามาเอาไก่ออกจากถังน้ำมัน มาใส่ถาดเก็บไว้ตู้อุ่น ซึ่งถังน้ำมันมีทั้งหมด 7 ทำไก่กันจนเพลินลืมเวลากันไปเลย พอช่วงสองทุ่มจานกองมหึมาเริ่มทยอยขนออกมาจากหน้าร้าน จาน ถาดใส่อาหารปุฟเฟ่ ถาดไก่ กรงตะแกรง โต๊ะสำหรับชุบไก่ เครื่องมือ อุปกรณืทุกชิ้นในร้าน จะต้องขนมาล้างทุกวัน โดยคนเพียงคนเดียว การล้างจานแทบจะไม่มีเวลาแม้สักเพียงนาทีเดียวในการหยุดพัก กองมหึมาที่ติดหนึบไปด้วยคราบแป้ง ว๊าว เป็นการล้างจานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต หากวันไหนไม่ได้ทำหน้าที่ล้างจาน  จะต้องมาทำการ ล้องอ่างน้ำมัน เจ็ดถัง ซึ่งมีขั้นตอนและกระบวนการในการล้างใช้ได้เลยทีเดียว เตรียมมือสำหรับโดนเตาเบิร์นไว้นิดหน่อย การล้างถังน้ำมันแทบไม่แตกต่างจากการล้างจานสักเท่าไหร่ ภายในเวลากำหนดเท่านั้น ว๊าว!!  สนุกดี หนื่อยแต่ล้าเพราะจานหรืองานล้างถังน้ำมันมันเยอะกว่าจะที่บรรยาย ^^ สี่ทุ่มครึ่งเสร็จแล้วววว  ขอเก็บไก่กลับ บ้านไว้กินพรุ่งนี้เช้า และรอกลับบ้านพร้อมกัน โดยมีหัวหน้างานมาส่งที่อพาร์ทเมนต์ กลับหอ อาบน้ำ เข้าเนตนิดหน่อย เพื่อจะได้ไม่ขาดการติดต่อการทางบ้านและเพื่อนๆ นอน Zzzz 

3/20/2011

แม่น้ำ Missouri และลุงจอห์นผู้ใจดี

            เมื่อวานเป็นวันที่สองของการทำงาน ผมตื่นแต่เช้าตามเคย วันนี้กะไปที่สนามบินเพื่อไปดูกระเป๋าที่ลืมเอาไว้ เล่นเนต อาบน้ำ กินไก่ทอดที่เอามาจาก KFC ชิ้นเล็กสองชิ้น ขนมปังสามชิ้น ส้มสามลูก มันก็ทำให้ผมอิ่มในระดับหนึ่ง แต่ความหิวก็ยังคงมีอยู่เบาบาง ด้วยความที่ไม่รู้ว่าสนามบินจะไปทางไหน ต่อรถสายไหน ผมจึงตัดสินใจว่าจะเข้าไปถามทางที่ร้าน Free soup ซึ้งเป็นร้านอาหารกินฟรีของศาสนาคริส ผมและน้องๆคนไทยสองกัน เรียกมันว่า โรงทานฝรั่ง ผมตัดสินใจเดินไปที่ร้าน Free Soup เพื่อที่จพถามทางซึ่งห่างจากอพาร์ตเมนต์ของผมประมาณ สามร้อยเมตร ผมเดินไปท่านกลางอากาศที่หนาวเย็น ผ่านบ้านเรือนสไตล์ตะวันตก ซึ่งทุกหลังจะเรียงกันเป็นระเบียบและมีกองหิมะสีขาวอยู่หน้าบ้านบ้างหลังคาบ้านบ้าง ผมยืนอยู่ที่หน้าร้าน Free soup ในใจคิดเตรียมประโยคสนทนาและเตรียมใจ นิ่งสักพักก่อนที่มือขวาจะเอื้อมออกไปจับลูกบิดประตู แคล๊ก!! เสียงบิดประตู  ประตูล๊อค! ผมหันดูป้ายหน้าร้านอีกที ร้านจะเปิดให้บริการ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ผมเดินหง่อยกลับไปที่หอพักแล้วลองเปิดแผนที่ตารางรถเมย์ไปสนามบิน แต่ก็ไม่เจอ ผมเดินกลับมาผ่านหน้าอพาร์ตเมนต์ เดินเลยไปที่ป้ายรถเมย์ ผมยืนรอรถเมย์อยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่มีวี่แววของรถเมย์จะออกมา ผมมอฝแผนที่แล้ว ที่ที่ผมยืนอยู่ตอนนี้ ใกล้กลับแม่น้ำ Missouri นี่นา แม่น้ำ Missouri เป็นแม่น้ำสายใหหญ่ที่ไหลผ่านและกั้นระหว่างเมือง Bismarck และ Madan เอาไว้ มีสะพานเชื่อมแต่น้ำหลายหลัง ผมเลยลองตัดสินใจเดินตามถนนไปยังแม่น้ำลองดู ปรากฎว่า แม่น้ำอยู่ใกล้ นิดเดี่ยว ภาพแรกที่เห็นสะพานข้ามแม่น้ำหลังใหญ่ที่เชื่อมระหว่างสองเมืองเข้ากัน ความกว้างของแมน้ากำหนดความยาวของสะพายที่ทอดไปในแนวขาวงแม่น้ำนั้นยาวไปด้วย สะพานข้ามแมน้ำ หลักที่เห็นจะมี สามถึงสี่หลังห่างกันพอประมาณ แต่ที่ผมตื่นตามากที่สุดไม่ใช่สะพาน แม่เป็นลำน้า Missouri ต่างห่าง สายน้ำเปลี่ยนจากของเหลวกลายเป็นแม่น้ำแข็งที่ขาวโพลนไปหมด ธารน้ำแข็งสื่อบอกถึงที่นี่เพิ่งผ่านฤดูหนาวที่หนายเหน็บมาหมาดๆ ถึงแม้หิมะไม่ตกแล้ว แสงแดดส่องถึงที่นี่แล้ว แต่กองหิมะและธารน้ำแข็งของแม่น้ำนั้นบกบอกว่า  ที่นี่ได้ผ่านแบบทดสอบของธรรมชาติอันหนาวเหน็บมา ภายในธารน้ำแข็งก็ยังมีชิวิตอีกหลายชีวิตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ คือเข้า เป็ดน้ำ ผมควรจะเรียกว่า เป็ดน้ำแข็งจะดูเหมาะสมกว่า ยบ้างยืน บ้างเดินเป็นคู่ส่งเสียงร้องอยู่บนธารน้ำแข็งของแม่น้ำ ผมยืนมองภาพที่เห็นข้างหน้า เก็บความประทับใจเอาไว้ สายตาเปลี่ยนกลับมาจ้องมองท้องฟ้า นกกระสาบินเรียกกันอย่างเป็นระเบียบในแนวหัวลูกศร โดยมีผู้นำอยู่หน้าสุด เพื่อที่จะเป็นการผ่อนแรก ตามการไหลของโมเลกุลของอากาศเหมือนดังที่ผมเคยอ่านและเคยดูในรายการสารคดีทางโทรทัศน์ ผมยืนเก็บความประทับใจสักพักและเดินสำรวจดูบ้านรอบๆริมแม่น้ำ บ้านทุกหลังเป็นบ้านหลังเล็กสไตล์ตะวันตกดูเป็นระเบียบและสวยงามมาก ผมตัดสินใจเดินกลับหอโดยเดินเรียบฝั่งแมาน้ำ Missouri กลับมาปรากฏว่า สวนสาธารณะหลังบ้านผม ติดกับแม่น้ำ Missouri สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ไร้ใบ หิมะขาวโพลน และนดตัวอ้อนกับกระรองขนปุยตัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ในสวนสาธารณะ และมีฝรั่งสองสามคนออกมาวิ่งออกกำลังกาย ผมเดินกลับมาที่ห้อง นั่งสักพักก่อนจะถึงเวลาไปทำงาน  ผมกะจะออกไปทำานก่อนเวลานานๆเพราะจะได้มีเวลาเดินล่นระแวงนั้น  ผมกลับมายืนอยู่ที่ป้ายรถเมย์ที่เดิม ผมรอได้สักพัก ก็มีคนลุงฝรั่งคนหนึ่งขับรถออกมาจากบ้ายที่อยู่หัวมุมถนนติดกับซอยที่ผมยืนรอรถเมย์ คุณลุงจอดรถใกล้ผม แล้วออกมาถามว่า จะไปไหน เห็นยืนรอรถตั้งนานมากแล้ว ผมบอกกลับไปด้วยภาษาอังกฤษแบบพื้นฐาน ผมกางแผนที่ที่มีอยู่ในมือให้ลุงดู ลงบอกว่า เดี่ยวลุงจะไปส่ง ผมขอบคุณและรีบเข้าไปในรถของลุงทันที พเข้าไปผมรีบแนะนำตัวว่าผมเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร ให้คุณลุงหายสงสัย ก่อน คุณลุงบอกว่าเห็นผมยืนรอรถเมย์มานานมากแล้ว เลยอาสาพาไปส่ง ผมบอกขอบคุณคุณลุงจากใจจริงๆ คนอเมริกันใจดีมากทีเดียว คุณลุงชวนคุณสัพเพเหระ ผมรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง คุณลุงชื่ออะไรครับ จอห์น ผมบอกว่าผมชื่ออุ๋ยครับ ก่อนที่ลุงจะยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากพวกมาลับ มาจับมือตามธรรมเนียมของที่นี่  ผมขอบคุณคุณลุงอีกครั้งกอ่นที่รถจะมาถึงที่หมาย ผมบอกลุงว่า อพาร์ตเมตน์ของผมอยู่ใกล้บ้านคุณลุงนี่เองครับ ถ้าผมโชคดีผมคงได้เจอคุณลุงอีกครั้ง คุณลุงบอกว่า ภรรยาของเขาก็อยากพบผมเหมือนกัน สงสัยคุณลุงจอห์นและภรรยาคงจะยืนมองผมออกมาจากหน้าต่างบ้างว่า ไอ้หนุ่มเอเชียคนนี้มายืนทำอะไรและห็นเดินไปเดินมาแถวนี้บ่อยๆซึ่งที่นี่ไม่ค่อยมีใครเดินตามถนนเท่าไหร่เพราะด้วยอากาศที่หนาวเย็น ผมบอกขอบคุณก่อนที่จะออกมาจากรถและคุณลุงขับผ่านไป ผมมาถึงที่หมายก่อนเวลาทำงานสามชั่วโมง ผมเดินเล่นในห้างแถวนั้น สักพักเห็นน้อง วิน น้องคนไทยที่ทำงานที่เดียวกันนั่งเล่นอยู่เพื่อรอทำงานอีกทีตอนห้าโมงเย็นพร้อมผม เพราะวันนี้น้องมีงานสองกะ ผมเดินเล่นไปดูของในห้างกับน้องก่อนที่จะเดินไปทำงาน งานวันที่สองเริมเข้าใจมากขึ้น งานที่หลังร้าน ทอดไก่ ล้างจาน ถูพื้น เพื่อนที่ทำงานที่นี่ ทำงานกันจริงจังและรอดเร็วมาก โรเบิร์ต หนุ่มฝรั่งร่างท้วมนิดหน่อยแต่กำยำ อายุ 21 ปี เป็นพาร์ทเนอร์สอนงานผมตั้งแต่วันแรก วัยรุ่นอเมริกันทำงานหาเงินเอง ที่ร้านก็มีหลายคนและเวลาทำงานเขาจะไม่เกี่ยงกัน ทำงานทุกอย่างเพื่อที่จะให้งานออกมารวดเร็วพร้อมจะสองเพื่อนร่วมงานอย่างผมอย่างเต็มใจ ผมสื่อสารกับโรเบิร์ตไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ในวันแรก วันนี้วันที่สองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ผมเริ่มเข้าใจในงานของตัวเองมากขึ้น เสร็จงาน วันนี้เร็วขึ้นห้าสี่ทุ่มครึ่ง ผมกลับล้านพร้อมวิน โรเบิร์ต และ คุณจอห์นหัวหน้าที่ร้านขับรถมาส่ง ก่อนที่จะแยกย้ายเข้าห้อง ราตรีสวัสดิ์

3/19/2011

เริ่มงานวันแรก

         พอมาถึงอพาตเมนต์ คุณเริ่มงานได้วันได้วันพรุ่งนี้คะ ไดแอนกล่าวด้วยวาจาที่ผม -0- วันพรุ่งนี้เลยตอนห้าโมงเย็น งั้นผมขอตัวเข้านอนเลยหละกัน ตื่นมาหกโมงเช้า อาบน้ำ แต่งตัวเสื้อกันหนาวตัวหนา ไม่ได้ไปทำงานนะครับเพราะงานเริ่ม ห้าโมงเย็น งั้นผมขอเดินเล่นสำรวจเมืองแทบใกล้ๆซะหน่อย พอเปิดประตูออกจากอพาร์ตเมนต์เท่านั้นความหนาวเย็นก็เริ่มมาเยือนกันที เนื่องจากไม่มีถุงมือ และหมวก ทำให้ผมหนาวหูมาก เลยเอามือซุกที่กระเป๋ากางเสื้อกันหนาวและสวมหมวกจากเสื้อโค๊ดกันไว้ก่อน พอเดินไปหลังอพาตเมต์ผมได้ค้นพบว่า ข้างหลังอพาตเมนต์เป็นสวนสาธารณะที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะและต้นไม้ที่ไม่มีใบเพราะเข้าสู่ฤดูใบไม่ผลิของที่นี่แล้ว พอผมเดินเข้าไปที่นั่นซักพัก ความหนาวทำให้หูผมเริ่มแสบ ผมเอากล้องถ่ายรูปจากมือถือมาถ่าย แต่ผมไม่ได้เอาสาย USB มาด้วยครับ ผมเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้สักพักกระรอกตัวน้องวิ่งไต๋ต้นไม้ และบางตัวมันก็หยุดมองผมไกลๆ พอผมเดินเข้าไปใกล้มันก็วิ่งขึ้นต้นไม้หายไป นกตัวอ้วนน้อยใช้โพลงต้นไม้เป็นรังกอ่นที่จะบินจากไปเมื่อผมลองเดินผ่านบ้านของมัน อากาศสดชื่นเย็นจมูก ความหนาวเย็นและเริ่มกลายเป็นความแสบ ผมขอตัวออกมาจากสวนหิมะแห่งนี้ดีกว่า จากนั้นผมขอตัวเดินต่อไปในตัวเมืองตามถนนเว้น highway street ระหว่างทางบ้านแต่หลังหลังที่นี่เรียงกันเป็นระเบียบมาก ลักษณะเป็นบ้านหลักเล็กไสตล์ตะวันตก มีกองหิมะหน้าบ้าน บางหลังยังมีกองหิมะค้างอยู่ที่หลังคาอยู่เลย ผมเดินผ่านสวนสาธารณะอีกแห่นที่เมืองนี้มีสวนสาธารณะเยอะเหมือนกันแฮะ Bismarck ถ้าจะเปรียบแล้วก็เป็นหมือนอำเภอเมืองของจังหวัดไกลๆของประเทศไทย มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆสองที่ มีมหาวิยาลัยที่หลักสูตรสี่ปีหนึ่งมหาวิทยาลัยและมหาลัยเทคโนโลยีแล้วสี่แห่ง แต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวหมาวิทยาลัยนี้เลย ผมเดินไปเที่ยวสำรวจในแถบระแวกใกล้ๆ แล้วก็เดินกลับอพาตเมนต์ประมาณสิบโมง แวะเข้ามาเล่นเนตที่ห้องสักพัก พี่อุ๋ยที่นี่มีร้ายอาหารฟรีคล้ายกับโรงเจของศาสนาคริสนะครับพวกผมไปกินทุกวันไปด้วยกันไหมครับ ผมใยกล้าปฏิเสธอาหารฟรีเล่า ไปครับ เดินจาห้องได้สักพักก็ถึงแล้ว  ภายในร้านมีแต่ฝรั่รุ่นราวคราวตาและยายเลยครับผม มีโต๊ะนั้งหกเจ็ดตัวคล้ายกับร้านอาหารเลยครับ มีคุณตานั่งเล่นโฟกซองบรรเลงเนื้อเพลงเกี่ยวกับความรักของพระเยซูล้วนๆ ที่บ้านผมแนวนี้เรียกเพื่อชีวิตนะครับคุณตา :) คุณตาคุณยายฝรั่งนั่นโต๊ะสนทนากัน บางคนก็เพิ่งเดินเข้ามาทานอาหารฟรี โดยมีคุณลงคนหนึ่งคอยเป็นคนเสริฟอาหาร ตักซุป มีผลไม้คือส้มฟรี น้ำเปล่าและเบียร์ฟรีที่นี่เขาจะดื่มเบียร์แบบสุภาพคือกินเล็กน้อยซักแก้วหลังอาหารครับ แต่ถ้าร้านนี้มาเปิดที่บ้านผมหละก็รับรองเบียร์หมดป็นถังแน่เลย ผมนั่งทานซุป แซนวิส และปิดท้ายด้วย บิสกิส กับน้องสามคน ก็มีคุณตาฝรั่งเข้ามาทักเข้ามาคุย วิน ป็นคนเดียวที่ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องครับ แล้ววันหลังผมไปกินคนเดียวไม่รู้จะเป็นไงบ้างน๊า จะรอดไหมน้ออุ๋ย พอกินอาหารเสร็จ ก็เดินกลับห้อง เปลี่ยนรองเท้า เสื้อผ้า เตรียมตัวไปทำงานกัน มาบืนรอรถเมย์ที่ถนนเส้นหนึ่ง คนที่นี่เวลาใครเดินผ่านหรือสบตาเขาจะรีบทักกันทันทีซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ดีมาก ทันทีไปถึงที่ทำงาน ก็เริ่มเลยทันที ทักอย่างรวดเร็วมาก ผมมึมไปหมด การทอดไก่ การวางไก่แต่ละแบบ รวมไปถึงการล้างจาน ที่มโหราฬมาก ฝรั่งเขาทำงานกันจริงจังทีเดียวพอรู้สึกตัวอีกที ห้าทุ่มแล้ว ใช้งานคุ้ม แต่ก็สนุกอีกแบบ แต่ปัญหาคือ ภาษาอังกฤษผมแย่มากฟังคำสั่งสื่อสารกันลำบากมากเลยทีเดียว และการวางไก่ ถาดทอดไก่หลายแบบ โอว! ค่อยๆเรียนรู็ไปนะอุ๋ย กลับถึงห้อง อาบน้ำ เข้านอนทันที Zzz :D

ถึงแล้ว Bismarck

            ในที่สุดก็เดินทางมาถึง Bismarck จนได้ จากการเดินทางที่ใช้เวลาทั้งวัน จากเชียงใหม่ - สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินอินชอน (เกาหลี) - สนามบินเมือง Seattle (USA) - สนามบินเมือง  Minesapolis และต่อด้วย สนามบินเมือง Bismarck พอมาถึงสนามบินเวลาสี่ทุ่มของที่นี่ก็มีคุณ Diane และ คุณ Jhon หัวหน้างานมารับท่าทางใจดีมาก อากาศที่สัมผัสเมื่อเดินออกมาจากสนามบินคือ ความเย็น จากสนามบินถึงอพาต์เมนต์ใช้เวลาไม่นาน ระหว่างทางจากสนามบินมาถึงที่พักไดแอนและจอห์นแนะนำสถานที่ต่างๆที่ขับรถผ่านและขับไปแวะที่ supermarket ให้ผมดูและแนะนำว่า เมืองนี๊ค่อยข้างปลอดภัยสามารถเดินเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืนได้สบายแต่อากาษจะหนาวนะ จอห์นและไดแอนก็พามาถึงที่พัก ซึ่งมีน้องคนไทยสองคน คนหนึ่งเรียนวิศะที่ พระจอมเกล้าบางมด ปีสอง และอีกคนเรียนนิติศาสตร์ที ม.เอแบค ปีสอง ซึ่งมาอยู่ก่อนหน้าได้ไม่กี่วันมาเปิดประตูให้ ไดแอนให้กุญแจห้อง แนะนำห้องพักให้  ห้องพักที่นี่พอดูข้างหน้าห้องก็คงไม่ต่างจากห้อพักทั่วๆไปที่เห็นในบ้านเรา แต่พอเปิดประตู ภายในจะเป็นห้องโถงอุ่นมาก มีทีวี โซฟาสำหรับดูทีวี อีกฝัง เป็นโต๊ะกินข้าว มีตู้เย็น เตาแก๊ส เครื่องปิ้งขนมปัง และก็อ่างล้างจาน พอเดินเข้าไปด้านใน มีห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องนอนสองห้อง ซึ่งน้องสองคนอยู่ด้วยกัน และอีห้องหนึ่งเป็นของผม ภายในห้องนอน ปูด้วยพรมสีเทา ทั่วทั้งห้องจะปูด้วยพรมสีเทาหนารวมถึงห้องนอนผมด้วย เพราะที่นี่อากาศหนาวเย็นและจะหนาวเย็นมากที่สุดในหน้าหนาว เลยต้องมีพรมสำหรับความอบอุ่นของเท้าภายในห้องนอนมีตู้ ตอนแรกนึกว่ามีห้องอะไรอีกพอเปิดประตูเข้าไปเป็นตู้เก็บเสื้อผ้า ออกแบบมาให้ประหยัดพื้นที่ของห้องมีประตูสองบาน เลื่อนเปิดคล้ายกับประตูไม้แบบจีนสมัยก่อน นอกจากนั่นยังมีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกบานใหญ่ ซึ่งผมใช้มันสำหรับวางโน๊ตบุ๊คและหนังสือ เตียงนอนที่มีฟูกสองชั้นนุ่นมาก และอีกมุมหนึ่งเป็นโต๊ะโคมไฟไสตล์ยุโรปอันหนึ่งตั้นตระง่านอยู่ ผมก็ยังงงๆว่าทำไมโคมไฟไม่มีสวิท เลยลองเอามือไปสัมผัสดู ปรากฏว่ามีไฟขึ้นมา และลองสัมผัสดูอีกครั้งมีแสงไฟสว่างมากขึ้น พอสัมผัสอีกครั้งไฟก็ดับไป อ้าว! ผมชอบจังโคมไฟอันนี้ จัดการเอาของจากกระเป๋าใส่ตู้เสื้อผ้า ปูที่นอน เรียบร้อยแล้วพบว่า ผมลืมประเป๋าอักเล็กที่สนามบินซึ่งบรรจุ ถุงมือ หมวกและผ้าพันคอไว้ สาเหตุของการที่ลืมเพราะผมมีกระเป๋าพายสะอันใหญ่เดียวแต่สาเหตุแยกเป็นชิ้นส่วนออกเป็นสามแบบ ซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้แตกต่างกัน ผมไม่ทราบมาก่อนว่าที่สนามบินจะแยกกระเป๋าส่วนหนึ่งผมออกไป พอไดแอนและจอห์นมารับผมก็ตามไปขึ้นรถทันที แต่ว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้กะไปติดต่อที่สนามบินดูอีกที อาบน้ำ โหว! ห้องน้ำที่นี่ไม่มีหัดฉีกก้น น้องครับ!! แล้วเราจะใช้ยังไง คำตอบที่ได้ก็คือ พี่ครับล้างในก๊อกข้างล่างครับ พร้อมกับอาบน้ำไปเลยครับพี่ -0- เพราะที่นี่เขาจะใช้ กระดาษชำระอย่างเดี่ยวคงเพราะมันหนาวมั้ง วาวน้ำในอ่างล้างหน้า หรือไม่ว่าจะเป็นวาวเปิดฝักบัวทุกอันจะมีสองวาว วาวน้ำร้อน กับวาวน้ำเย็นมาก เราต้องเปิดผสมกันเอาเองจนได้น้ำอุ่นในระดับที่เราพอใจ ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็ขอตัวลงนอนเลย..  ZZzz

3/17/2011

สนามบินเชียงใหม่ - สนามบิน อินชอน ประเทศเกาหลี

         วีซ่า!!  เมื่อไหร่สถานทูตจะส่งมาที่ไปรษณีย์ซักที  ผมได้แต่รอวีซ่าที่ได้แต่ลุ้นว่าต้อง มาทันวันที่ 16 ก่อนสี่โมง  แต่ทำยังผมต้องจองตั๋วไปกรุงเทพรอบห้าโมงครึ่ง หากไม่ทันรอบนี้เที่ยวบินมีอีกทีสองทุ่มกว่า ซึ่งถึงสุวรรณภูมิประมาณสี่ทุ่ม  ผมคงเตรียมการอะไรไม่ทัน เลยตัดสินใจซื้อตั๋วบินไปสุวรรณภูมิรอบห้าโมงครึ่ง โดยที่ไม่แน่ใจว่า วีซ่ามันจะมาไหมวันนี้  เพราะทางคลิกแอดดูเคชั่นได้จองตั๋ววันที่ สิบเจ็ดตอนเที่ยงคืนให้ ผมลองโทไปถามที่ไปรษณีย์ตั้งแต่เช้าว่า วีซ่ามารึยัง  คำตอบที่ได้คือ ยังไม่มาเลยครับ เดี่ยวอีกชั่วโมงโทรมาใหม่นะครับ  คำตอบเช่นนี้สามรอบทำให้ผมเริ่มกังลวเล็กๆว่า กูจะได้ไปไหมเนี๊ยยย!!
และรอยสุดท้ายสี่โมงลองโทรไป  คำตอบคือ  มาแล้วครับ   ต้า แคท และหลิว บึ่งรถไปไปรษณีย์แม่ปิงทันที  รถติ๊ดด โอว!  ถึงไปรษณีย์ปาเข้าไปสี่โมงแก่ๆมากๆ จอดรถที่ไปรษณีย์วิ่งง อุ๋ย! เสร็จแล้วต้าพาบินนรถไปสนามบินเชียงใหม่ ทันที ถึงห้าโมงเกือบครึ่ง ขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้ายยย!!!  โดนพี่แอร์แอบว่าเบาๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ถึงสนามบินสุวรรณภูมิจนได้ เห๊อ!! ^^" พอถึงสนามบิน เช็คอินตั๋วไปยังสนามบินอินชอนทันที ไปแลกเงิน US ดอลล่า เรียบร้อย  เพื่อนปุ๊ก กะเจ๋ง บอล พี่อะตอม แวะมาส่งซักเล็กน้อยก่อนแยากย้าย ไปกินข้าวเย็นฟรีจากพี่รหัสอะตอม เยี่ยมไปเลยย! วันนี้ผมกินข้าวฟรีมาทั้งวัน เมื่อเช้าร้านอาหารมังสวิรัสป้าบูรณ์ที่ผมไปกินประจำ เมื่อป้ารู้ว่าผมจะเดินทางวันนี้ ป้าไมมีอะไรให้นอกจากคำอวยพร และอาหารฟรี ขอบคุณป้าบูรณ์และพี่อะตอมมากนะครับ พอแยกจากพี่อะตอม พี่สาวกะแฟนหนุ่มก็แวะมาหา ล่ำลากันสักพัก ก่อนที่ผมจะแยกย้ายไปทำภาระกิจต่าง ผ่าน ตม. ตรวจข้าวของเรียบร้อยแล้วก็เดินมารอ ที่ ประตูขาออก ขณะนั่งรอ ก็มีป้าคนหนึ่งเข้ามาเาคุยกะผม ป้าเป็นผู้หญิงที่ใจดีมาก คุยเรื่องต่างๆ นานา ป้าเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ที่อเมริกา ชื่อว่า Thai Basil ที่รัฐ VA ป้าให้นามบัตรผมมา บอกว่าถ้ามีโอกาศมาแวะร้านป้านะ ถ้าหากผมมาทำงานที่รัฐเดี่ยวกันจะรับเข้าเป็นพนักงานเลย  วันนี้ผมเจอคนใจดีทั้งวัน โอเค! เที่ยวคืนแล้ว เครื่องบินจะออกเดินทางผู้โดนสารขึ้นเครื่อง ผมได้ที่นั่ง 47A ติดหน้าต่าง และมีคนไทยที่นั่นข้างผมอีกสองคนเป็นแฟนกันทำงานที่อเมริกา ทั้งสองคนใจดีมาก สอนวิธีเปิดหน้าจอ วิธีเล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง จาก จอข้างห้าเบาะ ว๊าว!! ไฮโซอิหลี  ในทันทีที่เครื่องบินกำลังจะวิ่งบนรัวเวย์  ใจผมมันบอกว่า  เวลาของผมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วว เครื่องบินเริ่งความเร็ว ขึ้นเรื่อยๆ จนใจที่สุดก็บินพ้นแผ่นดินประเทศไทย ขึ้นสู่อากาศ ผมขอมอง แผ่นดินไทยจนสุด จนกว่าจะมองไม่เห็นอีกก  พอแผนภาพประเทศแผ่นดินเกิดของผมลับสายตาไป  ผมก็หันหน้าเข้ามาที่เจ้าจอ LCD ทัชกรีน บนหน้า (สายการบิน Korean airline ทุกที่นั่งจะมีจอ LCD ทัชสกรีน และหูฟังแจกทุกที่นั่ง) ผมคุยกะพี่สองคนซักเล็กน้อยถึงเป้าหมายการเดินทางคนพี่สองคน จากนั่นก็ขอเวลาเป็นส่วนตัว ดูภาพยนต์ตัวอย่างหลายเรื่อง เปิดเพลงฟังชิวๆ ^^ สายหาก็หันมองออกนอกหน้าต่างเครื่องบิน ภาพที่เห็นช่างสวยงาม และน่าประทับใจมาก  ภาพของดวงจันทร์กำลังเปล่งแสงสีเหลืองนวลกระทบกับยอดปุยเมฆ ซึ่งไกลสุดลูกหูลูกตา ราวกับทะเลปุยเมฆที่ประทบแสงจันทร์ ฟังเพลง โอววว ผมประทับใจจริงครับ ไม่เคยมองเห็นดวงจันทร์ใกล้ขนาดนี้มาก่อน  จนผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้  ตอนมาอีกที แสงจันทร์ที่เห็นเปลี่ยนเป็นแสงอาทิตย์ ทำหน้าที่แทน ทำให้มองเห็น ทะเลเมฆที่ชัดขึ้น แอร์ฮอสเตต แสนสวย แจกอาหารเช้า ผมขอเป็น ข้าวต้มสาหร่าย มีผลไม้สามชิน น้ำเป่า และขิงดองมั้งไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ข้าวต้มอร่อยมากครับ ผมกินไปหมดกล่องเลย พอกินเสร็จลองมองออกไปนอกหน้าต่างซักนิดหน่อย  ภาพที่มีแต่ทะเลเมฆ เริ่มค่อยจางหายไป เปลี่ยนเป็นภาพ พื้นดิน รายกับผมกางแผนที่ประเทศเกาหลีสามมิติเลย ภาพที่เป็นไกลๆๆ เริ่มชัดขึ้น จรกระทั่งเห็นบ้านคน รถวิ่ง เมื่อ กัปตันบอกว่า อีกสี่สิบนาที เครื่องบอนจะลงจอกที่ สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลี ขณะนี้ อุณหภูมิที่ภาคพื้นเกาหลี ติดลบ 1 องศาเซลเซียส โหว! พอเครื่องบินลงจอนเทียบท่า ผู้โดนสารก็เดินลงมาจากเครื่องบิน เข้าสู่ที่ตรวจหนังสือเดินทาง สัมภาระต่างๆ และสำหรับผู้โดนสารที่รอเปลี่ยนเครื่องอย่างผม มาดู gate ที่รอจะเปลี่ยนเครื่องบนจอมอนิเตอร์ยักค์เรียบร้อย  17.50 น. โหว  ก่อนหน้าที่จะลงจากเครื่องพี่สองคนแนะนำให้ผมลองไปหาทัวร์สำหรับผู้โดยสารที่จะเปลี่ยนเครื่องเพื่อไปเที่ยวในตัวกรุงโซว ใกล้ๆ ครึ่งวัน แต่ผมขอยังไม่ดีกว่าเพราะเป็นการเดินทางครั้งแรก กลัวหลงและกลัวกลับมาไม่ทันเวลา    ตอนที่ที่เกาหลี เวลา 10.55 น. ที่ประเทศไทยคงเวลา 8.43 น. อีกเจ็ดชั่วโมงผมจะทำอะไรดีเว้ ดีที่ผมเอาโน๊ตบุคมาด้วยเลยเดินมารอที่ Gate 24 ซึ่งเป็นที่ที่ผมจะต้องรอเปลี่ยนเครื่อง สนามบินที่นี่มี อินเตอร์เนต free wifi  โชคดีหน่อย ผมก็เลยมานั่งเล่นอินเตอร์เนตที่นี่ แต่ก็ยังไม่ได้ออกไปนองตัวอาคารสัมผัสกับอุณหภูมิลบหนึ่งองศาของเกาหลีเลย เพราะใจตัวอาคารคงมีฮีตเตอร์ ผมรู้สึกเย็นสนเนตบายดี  ไงไว้หลังจากเล่นเนตเบื่อแล้วค่อยออกไปข้างนอกสำรวจสนามบินอินชอน ที่ได้รับรางวัลสนามบินที่ดีเด่นติดอันดับโลกลองดู  

3/12/2011

ลองหัดเดินเที่ยว

  ผมไม่รู้ว่าจะเขียนบล๊อคออกมาแนวไหน  จะใช้ภาษาเขียนยังไงให้มันดูสละสลวย แต่มันเป็นบล๊อคผมไม่ใช่หรอ เราทำมันขึ้นมาเพื่อฝากบอกความคิด ความรู้สึกของผมให้พ่อแม่ เพื่อนเรานี่น่า  เขียนออกมาจากความรู้สึกและความคิดท่าจะดีกว่า วันนี้ผมลองออกไปหัดเดินเที่ยวยามเย็นคนเดียวลองดู  เห็นฝรั่ง ชาวต่างชาติ แม้กระทั้งผู้หญิงฝรั่งเขากล้าที่จะเดินเที่ยวตอนเย็นในบ้านเราคนเดียว เราต้องลองดู เริ่มเดินจากหอเดินตามถนนเส้นคณะเป้าหมายคือ ศาลช้างหน้ามอ ไปไหว้เผื่อเป็นศิริมงคลกับตัวเองในฐานะที่ผมก็เรียนเพิ่งจบจาก ม.เชียงใหม่มาหมาดๆ  เริ่มเดินตอนตอน 18.40 น. ผ่านแยกโรงพยาบาลประสาท ตามเส้นหลังมอ เข้าประตูหลังมอ แล้วเดินเรื่อยๆมาจนถึงศาลาธรรมวันนี้มีงานด้วยแฮะ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจัดงานอะไรกัน ถึงแล้วเป้าหมายแรก ศาลช้างหน้ามอ เข้าไปศักการะท่านแล้วเดินต่อไปผ่านประตูหน้ามอชอ แล้วก็เดินตามถนนหน้ามอ ผ่านสี่แยกรินคำ เดินตามคู่เมืองมาจนถึงประตูช้างเผือก จากนั้นเดินเข้าไปในฝั่งคูเมือง ไปไหว้ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และวัดสะดือเมือง เพราะผมรักเชียงใหม่ ก็ควรมาสัการะผู้ที่ก่อตั้งจังหวัดเชียงใหม่และวัดใจกลางเมืองเชียงใหม่ขอพร แล้วก็ออกเดินต่อตามซอยต่างๆจนมาโผล่ที่ประตูท่าแพ เดินเรียบเลาะริมคูเมืองมาเรื่อยจนถึงประตูเชียงใหม่ แวะเข้าไปฝั่งคูเมืองผ่านวัดเจดีย์หลวงแล้วผ่านวัดพระสิงค์แล้วก็มาทะลุที่ประตูสวนดอกรู้สึกเริ่มปวดฝ่าเท้า เดินข้ามคูเมืองเข้ามาที่คณะเทคนิคการแพทย์เดินมาเรื่อยๆ ทะลุถนนซอบหอคณะและผมก็เดินกลับหอ ดูเวลา สี่ทุ่มครึ่ง พอดี  การลองเดินครั้งนี้ผมอยากเก็บความรู้สึกเอาไว้ ว่าตอนนี้ผมเดินอยู่ที่เชียงใหม่ มองเห็นป้ายต่างๆริมข้างทางเป็นภาษาที่เราคุ้นเคย คนที่เดินผ่าน นั่งกินอาหารในร้านอาหารหน้าตาเชื้อชาติเดียวกันกับเรา ผมต้องลองเดินที่บ้านเราก่อนเป็นการฝึกหัด การเดินทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ระหว่างทางชัดมากขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากกว่า  เสียดายที่ครั้งนี้ผมยังไม่มีกล้องถายรูป  ต่อไปถ้ามีคงสนุกน่าดู

2/26/2011

การสมัครเป็น Mr.Oui 's Fellow Traveller

              กดคำว่า ติดตาม (google friend connect) จากนั้นจะมีหน้าต่าง ติดตาม Mr.Oui ขึ้นมา หากคุณเป็นสมาชิก ของสิ่งเหล่านี้ Google , Twitwer , Yahoo , AIM , Netlog หรือ OpenID ก็ง่ายนิดเดียวครับ สามารถคลิกที่ไอคอนนั้นและใส่รหัสเข้าไป แต่ถ้าคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้อย่าเพิ่งน้อยใจ คุณสามารถคลิกที่ สร้าบัญชีผู้ใช้ google ใหม่ กรอกอีเมลล์ รหัสผ่านที่คุณมีอยู่แล้ว  วันเกิดและพิมพ์อักขระที่คุณเห็น กด ฉันยอมรับ โปรดสร้างบัญชีของฉัน จากนั้นจะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ใส่รูป ตั้งชื่อโปรไฟล์ของคุณ แล้วคลิกคำว่า ติดตาม เพียงเท่านี้เราก็จะได้เป็นเพื่อนร่วมทางกันแล้วครับ..... :D

         How register to Mr.Oui's Fellow Traveller
              Firsty click at icon Follow above the word Googgle Friend Connect on my homepage.Then you will see the new windows "Follow Mr.Oui" If you are the member of Google , Twitwer , Yahoo , AIM , Netlog or OpenID. You can click icon and put your password on it easly. Otherwise, if you are not the member of the webside afore . Don't be feel hurt :D You can click icon Register for google new user and then put your e-mail and password your birthdate and the alphabet that you see and  icon  Agree.Then you can see the new window put your profile' name and upload you picz then click Follow.Just like this we are come to the fellow travellor..... :D
                                               มาเป็นเพื่อนร่วมทางกับผมนะครับ.............  :D
                                               Let's come to my fellow traveller..................  :D
                                                 

2/23/2011

วันเกิด Mr.Oui

           วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มสร้างบล็อค Mr. Oui ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว    เป็นหน้าที่ของ Mr. Oui ที่จะต้องทำการบันทึกเรื่องราวการเดินทางของ นายอุ๋ย ผู้เป็นเจ้าของ  Mr.Oui จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดประสบการณ์และเชื่อมโยงนายอุ๋ยและคุณเข้าด้วยกัน  ถึงแม้ระยะทางจะห่างไกล แต่ Mr.Oui จะทำหน้าที่นี้ไม่บกพร่อง ......อย่าลืมติดตามเรื่องราวของ Mr. Oui กันนะคร๊าบบบ........  : D